พอดีวันที่ 2/06/68 เจาะเลือดที่ปลายนิ้วเวลา 12:00 แล้ว19:30 มีการสัมผัสกับอาหารแมวที่แมวกินไปแล้ว ในระยะช่วงเวลาที่ผ่านมา 7 วัน มีปวดหัวบ้าง ไอ เสมหะ จะอาเจียนเพราะรู้สึกน้ำลายรสแปลกๆ แบบนี้ใช่อาการของพิษสุนัขบ้ามั้ยคะ แล้วมีการฉีดวัคซีนกระตุ้น 2 เข็ม เข็มสุดท้ายเมื่อวัน 22/05/68 ยังอยู่ในระยะภูมิคุ้มอยู่ใช่มั้ยคะ ต้องฉีดกระตุ้นมั้ย
สวัสดีค่ะ จากข้อมูลที่คุณแจ้งมา มีสองประเด็นหลักที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับกรณีนี้ค่ะ:
-
กรณีสัมผัสอาหารแมวที่แมวกินแล้ว
- การสัมผัสอาหารแมวซึ่งแมวกินไปแล้วนั้น หากแมวมีสุขภาพดีและไม่มีอาการผิดปกติอย่างเช่นซึม ไม่กินอาหาร หรือแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว โอกาสที่จะติดเชื้อพิษสุนัขบ้ามาจากกรณีนี้ค่อนข้างต่ำมากค่ะ
- อย่างไรก็ตาม หากแมวไม่ได้รับการตรวจหรือลงทะเบียนวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ควรเฝ้าสังเกตอาการของแมวในระยะเวลา 10 วันต่อไปด้วยค่ะ
-
เรื่องวัคซีนที่ฉีดในวันที่ 22/05/68
- วัคซีนกระตุ้นพิษสุนัขบ้ามักมีประสิทธิภาพป้องกันได้ในช่วง 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งในกรณีของคุณอยู่ในช่วงที่ยังมีภูมิคุ้มกันครอบคลุมค่ะ
- หากไม่มีการถูกกัด ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายจากสัตว์ที่มีแนวโน้มเป็นพิษสุนัขบ้าเพิ่มเติม คุณไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำค่ะ
ส่วนอาการที่กล่าวมา (ปวดหัว ไอ เสมหะ น้ำลายรสแปลกๆ)
- อาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไปซึ่งสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ค่ะ
- หากอาการรุนแรงขึ้นหรือมีไข้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมนะคะ
- อาการจากโรคพิษสุนัขบ้าจริงๆ มักแสดงอาการชัดเจนในระยะลุกลาม เช่น กล้ามเนื้อกระตุก น้ำลายไหล หรือตื่นกลัวน้ำในกรณีที่ติดเชื้อค่ะ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- หากคุณกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพของคุณหรือแมว ควรพาแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์เพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจค่ะ
- สำหรับตัวคุณเอง หากมีการสัมผัสบาดแผลเพิ่มเติมหรือเสียเปรียบทางภูมิคุ้มกัน เช่น โรคประจำตัว ร่างกายที่อ่อนแอ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการป้องกันอย่างเหมาะสมค่ะ
ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและสุขภาพดีนะคะ