ในปัจจุบันโรคไข้เลือดออกยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ โดยยุงลายถือว่าเป็นพาหะหลักของไวรัสเดงกี ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้กับคนได้ง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงกลางวันที่มักเกิดการกัดจากยุงลาย ทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ทุกวัน
การรู้จักวิธีป้องกันและกำจัดยุงลายอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคไข้เลือดออกและป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน
ทำไมยุงลายถึงเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออก?
ยุงลายเป็นสาเหตุหลักของโรคไข้เลือดออกเพราะยุงลายเป็นตัวกลางที่นำเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) จากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ เมื่อยุงลายกัดคนที่ติดเชื้อก็จะดูดเลือดพร้อมกับเชื้อไวรัสไปติดตัวไว้ แล้วเมื่อยุงลายไปกัดคนอื่น ก็จะนำเชื้อไวรัสนี้ไปสู่ผู้ที่ถูกกัดต่อไป [1]
สิ่งที่ทำให้ยุงลายอันตรายคือ ยุงลายมักจะกัดในช่วงกลางวัน [2] แตกต่างจากยุงตัวอื่นที่กัดตอนกลางคืน ทำให้หลายคนมีโอกาสถูกกัดและติดเชื้อได้ตลอดทั้งวัน ดังนั้นการป้องกันยุงลายจึงเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันโรคไข้เลือดออกและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไข้เลือดออกมีอาการอย่างไร? [2]
หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสเดงกีกัด ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีระยะการฟักตัวของโรคประมาณ 4-10 วัน โดยอาการของโรคไข้เลือดออกจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะไข้สูง (Febrile Phase) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน 39-40 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 2-7 วัน โดยมักจะมีอาการปวดศีรษะ หน้าแดง ปวดเบ้าตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ รวมถึงอาเจียน และบางรายอาจมีผื่นแดงหรือจุดเลือดออกตามผิวหนังร่วมด้วย
- ระยะวิกฤต (Critical Phase) เมื่อไข้ลดลง ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแย่ลง เช่น ปวดท้องรุนแรง, คลื่นไส้, อาเจียนต่อเนื่อง, เลือดกำเดาไหล, เลือดออกตามไรฟัน หรืออาเจียนเป็นเลือด และในบางรายอาจเกิดภาวะช็อก ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
- ระยะฟื้นตัว (Recovery Phase) หลังผ่านระยะวิกฤตมาได้ ผู้ป่วยจะเริ่มฟื้นตัว อาการทั่วไปดีขึ้น ไข้ลดลง เริ่มมีความอยากอาหาร แต่อาจมีผื่นแดงสากๆ เป็นวงสีขาวขึ้นตามร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณของการฟื้นตัว
แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่พบบ่อย
ยุงลายมักจะวางไข่ในน้ำสะอาดที่ขังนิ่ง ซึ่งสามารถพบได้ในหลายแหล่งรอบๆ บ้าน เช่น ภาชนะเก็บน้ำ, บ่อซีเมนต์, ถ้วยรองขาตู้กับข้าว, แจกัน หรือจานรองกระถางต้นไม้ โดยเฉพาะที่มีน้ำขังอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เศษวัสดุที่ทิ้งไว้และสามารถเก็บน้ำได้ เช่น ขวดพลาสติก, กระป๋อง, กะลามะพร้าว หรือยางรถยนต์เก่าก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่สำคัญของยุงลายเช่นกัน การทิ้งขยะที่มีน้ำขังเหล่านี้ไว้โดยไม่ระวัง จะทำให้ยุงลายขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก [2]
วิธีกำจัดยุงลายในบ้าน ป้องกันไข้เลือดออก
ยุงลายเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกและชอบวางไข่ในน้ำสะอาดที่ขังนิ่ง ดังนั้นการป้องกันและกำจัดยุงลายในบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเน้นทั้งการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์และการป้องกันไม่ให้ยุงเข้ามา โดยมีวิธีต่างๆ ดังนี้
- จัดบ้านให้โล่ง โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ให้เป็นที่หลบซ่อนของยุง
- ทำความสะอาดมุมอับ ใต้โต๊ะ และใต้เตียงเป็นประจำ
- กำจัดภาชนะที่อาจมีน้ำขัง เช่น กระป๋องน้ำเก่า ขวดพลาสติก ยางรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้
- เปลี่ยนน้ำในแจกันและภาชนะที่มีน้ำทุกสัปดาห์
- ปิดฝาภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด เช่น โอ่งหรือถุงเก็บน้ำ
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังแนะนำให้ใช้ทรายกำจัดลูกน้ำหรือทรายอะเบท (Abate) สำหรับกำจัดลูกน้ำยุงลายในแหล่งน้ำขังตามบ้านเรือนด้วย ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่พันธุ์ของยุงลายและช่วยลดความเสี่ยงจากโรคไข้เลือดออกได้เป็นอย่างดี [2,4]
วิธีป้องกันตัวเองจากยุงลายและโรคไข้เลือดออก
นอกจากการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการป้องกันตัวเองจากยุงลายไม่ให้ถูกยุงลายกัด โดยวิธีป้องกันตัวเองจากยุงลายและโรคไข้เลือดออก มีดังนี้ [1]
- ทายากันยุง เพื่อไม่ให้ยุงกัด
- จุดยากันยุง หรือใช้สเปรย์กันยุงในบริเวณที่ยุงเยอะ
- สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยง
- ติดตั้งมุ้งลวดที่หน้าต่างและประตูเพื่อลดจำนวนยุงที่บินเข้าบ้าน ถ้าหากมีรอยขาดควรซ่อมแซม
- เด็กเล็กและผู้สูงอายุควรนอนในมุ้งเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายกัดตอนนอนหลับ
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ โดยปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิด 2 เข็ม เหมาะสำหรับคนที่อายุ 4 ปีขึ้นไป สามารถฉีดได้ทั้งคนที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน [3] และวัคซีนป้องกันไข้เลือดชนิด 3 เข็ม สำหรับคนที่อายุ 6-45 ปี เหมาะสำหรับคนที่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อนแล้ว [3]
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำก่อนการฉีดวัคซีน
ที่มา
- กรมควบคุมโรค: “ไข้เด็งกี่ (Dengue)”.
- โรงพยาบาลวิภาวดี: “โรคไข้เลือดออกระบาด - สาเหตุ อาการ ระวัง ป้องกัน รู้ทันยุงลาย”.
- สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย: “ตารางการให้วัคซีนในเด็กไทย แนะนำโดย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย 2568”
- กระทรวงสาธารณสุข กลุ่มควบคุมวัตถุอันตราย
“ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับประชาชนเป็นการทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลนี้ไม่ควรถูกนำไปใช้เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาปัญหาสุขภาพหรือโรคใด ๆ การให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการทดแทนการปรึกษากับผู้ให้บริการทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของท่านสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม”
C-ANPROM/TH/DENV/0780: MAY 2025