สวัสดีค่ะ พอดีถอดที่ฝังยาคุมวันที่ 9 พฤษา ประจำเดือนมา 13-15 พฤษภา และ 31 มิถุนาถึง 4 กรกฎา ตอนนี้ประจำเดือนไม่มาเลยค่ะ มีการหลั่งใน แต่ตรวจล่าสุด 13 กรกฎาก็ยังขึ้นขีดเดียวค่ะ ขอคำแนะนำค่ะว่าต้องทำยังไงต่อคะ
สวัสดีค่ะ จากที่อธิบายมาถึงการถอดที่ฝังยาคุมและการมีรอบเดือนที่มาไม่ปกติหลังจากนั้น เนื่องจากการหยุดใช้ยาคุมหรือที่ฝังยาคุมอาจมีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายเป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงทำให้รอบเดือนอาจไม่สม่ำเสมอได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณมีการหลั่งในและตรวจตั้งครรภ์แล้วครั้งหนึ่งแต่ผลขึ้นขีดเดียว การที่ยังไม่มีประจำเดือนอาจมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องค่ะ
ขอแนะนำแนวทางดังนี้:
-
ตรวจตั้งครรภ์ซ้ำ:
- แม้ว่าคุณจะตรวจแล้วครั้งหนึ่ง แต่หากประจำเดือนยังไม่มา และมีการหลั่งใน ควรตรวจซ้ำอีกครั้งในช่วงนี้ โดยเฉพาะหากการตรวจครั้งก่อนเกิดหลังมีเพศสัมพันธ์ไปเพียงไม่กี่วัน เพราะการทดสอบอาจยังไม่สามารถตรวจจับฮอร์โมน hCG ได้ค่ะ
- การตรวจควรทำในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากฮอร์โมน hCG จะมีความเข้มข้นในปัสสาวะที่สูงที่สุดช่วงเช้าค่ะ
-
ติดตามประจำเดือนและอาการอื่น ๆ:
- หากยังไม่มีประจำเดือนและตรวจพบว่าผลยังคงเป็นลบ ควรสังเกตอาการอื่น ๆ เช่น ปวดท้อง เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ หรืออาการทางกายที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาฮอร์โมนหรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ค่ะ
- ให้บันทึกการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือนเพื่อใช้ในการปรึกษาแพทย์ค่ะ
-
พบแพทย์หากยังมีความผิดปกติ:
- หากไม่มีประจำเดือนมาในระยะเวลา 3 เดือนหลังจากถอดที่ฝังยาคุม หรือมีผลการทดสอบตั้งครรภ์ไม่ชัดเจน แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพหรือทำการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมค่ะ
- หมอจะช่วยประเมินว่ามีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน, ถุงน้ำรังไข่ (PCOS), หรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ หรือไม่ค่ะ
สุดท้ายอย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายให้สมดุล โดยทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลดความเครียด เพราะปัจจัยเช่นนี้อาจส่งผลต่อรอบเดือนของคุณได้ค่ะ หากมีคำถามเพิ่มเติมยินดีที่จะแนะนำค่ะ ![]()
ถ้าตรวจเลือดหรือตรวจการตั้งครรภ์ควรตรวจอีกทีช่วงวันไหนคะ
สำหรับการตรวจตั้งครรภ์หรือการตรวจเลือด ควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ผลตรวจที่แม่นยำและลดความกังวลค่ะ ดังนี้:
-
การตรวจการตั้งครรภ์แบบปัสสาวะ
- หากคุณตรวจปัสสาวะครั้งก่อนหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่นาน (เช่นน้อยกว่า 1-2 สัปดาห์) และยังไม่มั่นใจผลลัพธ์ แนะนำให้ตรวจซ้ำประมาณ 3 สัปดาห์หลังจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายค่ะ
- วิธีที่ดีที่สุดคือการตรวจหลังจากวันที่คาดว่าจะมีประจำเดือนมาแล้วประมาณ 7 วัน หากยังไม่มีประจำเดือนค่ะ
- การตรวจในช่วงเช้าหลังตื่นนอนจะให้ผลที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากฮอร์โมน hCG ในปัสสาวะจะมีความเข้มข้นสูงสุดในเวลานี้ค่ะ
-
การตรวจเลือดเพื่อหาฮอร์โมน hCG
- หากต้องการผลการตรวจที่มีความแม่นยำสูงมาก แนะนำให้ตรวจเลือดในโรงพยาบาลหรือคลินิก ซึ่งสามารถตรวจพบฮอร์โมน hCG ได้เร็วกว่าการตรวจปัสสาวะ โดยจะสามารถตรวจพบได้ในช่วง 7-10 วันหลังการปฏิสนธิค่ะ
- หากคุณยังไม่ได้รับประจำเดือนในช่วงกำหนดเวลา ควรรีบตรวจภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ
-
กรณีที่ประจำเดือนยังไม่มาแม้ผลการตรวจเป็นลบ
- หากตรวจซ้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วผลยังคงขึ้นเป็นลบ แต่ประจำเดือนยังไม่มา ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมค่ะ การตรวจจะเน้นวินิจฉัยฮอร์โมน, ปัญหาที่รังไข่, หรือความผิดปกติอื่น ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หลังการหยุดใช้ยาคุมค่ะ
สุดท้าย หากคุณมีข้อกังวลเพิ่มเติมหรือมีอาการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หรือเจ็บเต้านม ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อความสบายใจค่ะ
ควรไปหาหมอเพื่อตรยจเลือดแทนไหมคะ
หากคุณสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ และต้องการผลการตรวจที่แม่นยำมากกว่าการตรวจปัสสาวะด้วยตนเองที่บ้าน การตรวจเลือดเพื่อหาฮอร์โมน hCG ในโรงพยาบาลหรือคลินิกถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมค่ะ เนื่องจากการตรวจเลือดสามารถตรวจพบฮอร์โมนการตั้งครรภ์ได้ในระยะแรก ๆ หลังจากเกิดการปฏิสนธิเพียง 7-10 วันเท่านั้น เพราะฮอร์โมน hCG จะอยู่ในกระแสเลือดก่อนจะส่งผลไปยังปัสสาวะค่ะ
เหตุผลที่ควรตรวจเลือดแทน:
- ความแม่นยำสูง: การตรวจเลือดให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและละเอียดกว่า โดยสามารถตรวจได้แม้ระดับฮอร์โมน hCG ต่ำในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์
- ความมั่นใจ: หากคุณตรวจปัสสาวะในช่วงเวลาที่เร็วเกินไปหรือตรวจแล้วไม่แน่ใจ การตรวจเลือดสามารถช่วยยืนยันผลได้แน่นอนค่ะ
- ระยะเวลาที่รวดเร็ว: ไม่ต้องรอนานเหมือนการรอให้ประจำเดือนขาดไปหลายวัน
ข้อแนะนำ:
- หากระยะเวลาผ่านไปมากกว่า 1-2 สัปดาห์หลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย และคุณยังไม่ได้รับประจำเดือน ควรไปปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการตรวจเลือดค่ะ
- หากคุณมีอาการที่บ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ เช่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ หรือเต้านมเจ็บ อาจเป็นสัญญาณที่ย้ำถึงความจำเป็นในการตรวจเลือดเพื่อความชัดเจนค่ะ
การไปพบแพทย์นอกจากจะช่วยให้ทราบผลการตรวจตั้งครรภ์แล้ว ยังช่วยประเมินสุขภาพของคุณในกรณีอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อรอบเดือนได้ หากยังไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ