ปวดท้องบิด ตรงกลาง เป็นๆหายๆ ถ่ายเหลว เกิดจากอะไร?
อาการปวดท้องบิดตรงกลาง เป็นๆ หายๆ และมีการถ่ายเหลว อาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดยสามารถพิจารณาได้ดังนี้ค่ะ:
-
อาหารเป็นพิษ
- อาการปวดท้องและถ่ายเหลวอาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีเชื้อโรค หรือสารพิษเจือปน เช่น แบคทีเรียไวรัส หรือสารเคมี
- มักเกิดพร้อมกับอาการอื่น เช่น คลื่นไส้อาเจียน เป็นไข้ หรือมีอาการปวดเกร็งที่ท้องร่วมด้วย
-
โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Acute Gastroenteritis)
- เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ไวรัส หรือแบคทีเรียในลำไส้
- อาจมีน้ำในอุจจาระและมีกลิ่นเหม็นมากผิดปกติร่วมด้วย
-
ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome - IBS)
- เป็นภาวะที่ลำไส้ทำงานผิดปกติ อาจมีอาการปวดบิด และการขับถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย
- สาเหตุไม่แน่ชัด แต่มักเกี่ยวข้องกับความเครียด อาหารที่กระตุ้น หรือการเพิ่มขึ้นของแก๊สในลำไส้
-
อาการแพ้อาหารหรือไม่ทนต่ออาหารบางชนิด (Food Intolerance)
- การแพ้อาหารบางประเภทอาจทำให้ปวดเกร็งท้องและถ่ายเหลว เช่น แพ้นมวัว (Lactose Intolerance)
ควรรักษาอาการเบื้องต้นโดย:
- ดื่มน้ำเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำหากถ่ายเหลวบ่อย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้อาการแย่ลง เช่น นม หรืออาหารมัน
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น ถ่ายปนเลือด ปวดท้องเฉียบพลันมาก ร่างกายอ่อนเพลีย ควรไปพบแพทย์ทันทีค่ะ เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ