มีขนหรือเคราที่คาง ขึ้นไวมาก แต่ที่ตรงอื่นไม่ได้ขึ้นเยอะและไวขนาดนั้น เกิดจากอะไรคะ
สาเหตุที่ขนหรือเคราบริเวณคางขึ้นเร็วและหนากว่าบริเวณอื่น ๆ อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย รวมถึงเรื่องของฮอร์โมน การพันธุกรรม หรือแม้แต่อิทธิพลจากปัจจัยภายนอกค่ะ ลองพิจารณาสาเหตุต่าง ๆ ต่อไปนี้:
-
ฮอร์โมนเจ้าที่เปลี่ยนแปลง
- การผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ขนบนใบหน้า เช่นบริเวณคาง ขึ้นหนาและเร็ว
- ภาวะที่เรียกว่า Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) ซึ่งส่งผลต่อฮอร์โมนในผู้หญิง ทำให้เกิดขนขึ้นผิดปกติ
-
พันธุกรรม
- หากคนในครอบครัวมีลักษณะขนที่คางขึ้นหนาหรือเร็ว อาจเกิดจากยีนที่ถ่ายทอดต่อกัน
- ลักษณะลายผิวหนังและการรับเอาลักษณะฮอร์โมนจากบรรพบุรุษก็อาจมีผล
-
ปัจจัยภายนอกและพฤติกรรม
- การโกนหรือถอนขนซ้ำ ๆ อาจกระตุ้นให้ขนงอกขึ้นเร็วเนื่องจากเกิดการเคลื่อนตัวของรากขน
- การใช้อุปกรณ์หรือยาบางชนิดที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของขน
หากรู้สึกกังวลหรือสังเกตว่ามีอาการอื่นควบคู่ เช่น ประจำเดือนที่ไม่ปกติ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมค่ะ การตรวจระดับฮอร์โมนหรือการอัลตราซาวด์อาจช่วยยืนยันสาเหตุที่แท้จริงได้ สำหรับการแก้ไขเบื้องต้น การปรึกษาแพทย์ผิวหนังก็สามารถช่วยแนะนำวิธีการกำจัดขนอย่างเหมาะสม เช่น การใช้เลเซอร์ค่ะ
ปรึกษาเภสัชก่อนได้ไหมคะ
การปรึกษาเภสัชกรสามารถเป็นขั้นตอนแรกที่ดีในการพูดถึงปัญหาขนหรือเคราที่คางค่ะ โดยเฉพาะหากคุณต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือยาที่สามารถใช้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมในเบื้องต้น เภสัชกรสามารถช่วยเหลือในด้านเหล่านี้:
-
คำแนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กำจัดขนหรือทำให้ขนบางลง
- เภสัชกรสามารถแนะนำครีมหรือโลชั่นสำหรับลดการเจริญเติบโตของขนบนใบหน้า เช่น ครีมที่มีส่วนประกอบของ eflornithine หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยชะลอการขึ้นของขน
- การใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดขนแบบชั่วคราว เช่น เจลโกนขน หรือครีมกำจัดขน อาจเป็นคำแนะนำเบื้องต้นจากเภสัชกรค่ะ
-
การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับฮอร์โมน
- หากสงสัยว่าปัญหาเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนแอนโดรเจนที่สูง เภสัชกรสามารถแนะนำยาที่ลดฮอร์โมนหรือปรับสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งจะต้องมีการคุยกับแพทย์ก่อนใช้
- เภสัชกรยังสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจช่วยลดผลกระทบที่เกี่ยวกับฮอร์โมนค่ะ
-
ช่วยประเมินความเหมาะสมในการปรึกษาแพทย์
- หากเภสัชกรเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) หรือปัญหาฮอร์โมนที่ต้องการการตรวจเจาะลึก เภสัชกรสามารถช่วยบ่งชี้ให้คุณไปพบแพทย์เฉพาะทางค่ะ
ดังนั้นการปรึกษาเภสัชกรเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น เนื่องจากการได้ข้อมูลเบื้องต้นและคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะทำให้คุณมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาได้อย่างปลอดภัยค่ะ ถ้าหากปัญหายังคงมีความรุนแรงหรือเกิดผลข้างเคียงที่น่าเป็นห่วง การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นสิ่งที่แนะนำค่ะ