ฉีดยาคุมแบบบ1เดือนไปค่ะมีเพศสัมพันธ์หลั่งไนทุกครั้งที่มีค่ะแต่่เลือดยังไม่มาจะท้องไม่ค่ะ
การฉีดยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนมีผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการค่ะ เช่น ช่วงเวลาที่ฉีดยา ความต่อเนื่องของการฉีด และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ขออธิบายรายละเอียดดังนี้ค่ะ:
-
การทำงานของยาคุมรายเดือน:
- หากฉีดยาในช่วง 1-5 วันแรกของรอบเดือน ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันได้ทันที
- หากฉีดยาหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว อาจต้องใช้การป้องกันเสริม (เช่น การใช้ถุงยางอนามัย) เป็นเวลา 7 วันในช่วงแรก
- ยาคุมแบบฉีดทำงานโดยยับยั้งการตกไข่ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ซึ่งช่วยลดโอกาสที่ไข่จะฝังตัว
-
ปัญหาเลือดไม่มา:
- การฉีดยาคุมอาจทำให้รอบเดือนเปลี่ยนแปลง เช่น ประจำเดือนมาน้อยลงหรืออาจไม่มาเลย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงปกติ
- หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง หรือมีอาการเหมือนตั้งครรภ์ (เช่น คลื่นไส้ เจ็บเต้านม) ถือว่ายังคงอยู่ในขอบเขตปกติค่ะ
- แต่ถ้ากังวลเรื่องการตั้งครรภ์ การตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์จะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นค่ะ
-
ความเสี่ยงของการตั้งครรภ์:
- หากฉีดยาตรงตามเวลา ไม่ลืมฉีด และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับยา ยาคุมจะมีประสิทธิภาพสูง (มากกว่า 99%)
- อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่การตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นได้ (ตัวอย่างเช่น หากยาเสื่อมสภาพ หรือการได้รับยาอย่างไม่เหมาะสม)
ถ้าคุณยังรู้สึกกังวลหรือไม่มั่นใจ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจประเมินเพิ่มเติมนะคะ หรือใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์เมื่อมีข้อสงสัยค่ะ อย่างไรก็ตาม การใช้ยาฉีดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงเมื่อใช้อย่างถูกต้องค่ะ
มีอาการเจ้บเต้านมด้วยค่ะตั้งแต่่ฉีดยาคุมมาเลยค่ะ
อาการเจ็บเต้านมหลังการฉีดยาคุมกำเนิดเป็นผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด โดยเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน อาจส่งผลต่อเนื้อเยื่อของเต้านม ทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัดเต้านมในช่วงแรกหลังการฉีดยา มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับอาการนี้กันค่ะ:
-
ผลข้างเคียงจากฮอร์โมน:
- ฮอร์โมนในยาคุมสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อเต้านม เช่น อาการเจ็บหรือคัดตึงเต้านม ซึ่งมักพบในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีดยา และจะลดลงเมื่อร่างกายปรับตัวกับฮอร์โมน
- หากเจ็บหรือคัดเต้านมอย่างต่อเนื่องนานหลายเดือน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วม เช่น มีตุ่มหรือก้อนที่สัมผัสได้ที่เต้านม ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมค่ะ
-
อาการที่ควรเฝ้าระวัง:
- หากอาการเจ็บเต้านมรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการร่วม เช่น เต้านมแดง บวม หรือมีน้ำไหลออกจากหัวนม (ที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์) ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
- การเจ็บเต้านมอาจเกิดจากเหตุอื่น เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน การรับประทานอาหารที่มีฮอร์โมนสูง หรือแม้แต่ก้อนเนื้อที่ผิดปกติภายในเต้านมค่ะ
-
คำแนะนำ:
- ในกรณีที่อาการเจ็บเต้านมไม่ได้รุนแรง คุณสามารถใช้วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น การใส่ชุดชั้นในที่พอดีตัวและรองรับเต้านมได้ดี, การหลีกเลี่ยงคาเฟอีนหรืออาหารที่มีไขมันสูง
- หากอาการเจ็บเต้านมทำให้คุณกังวลหรือส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การตรวจสอบด้วยการอัลตราซาวด์หรือการประเมินจากแพทย์จะช่วยสร้างความมั่นใจค่ะ
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดหรืออาการที่เกี่ยวข้อง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรค่ะ เรื่องสุขภาพของคุณสำคัญมากค่ะ!