โบท็อกซ์มีอยู่ด้วยกันหลัก ๆ 2 รูปแบบ คือ แบบผง (Powder form) และ แบบน้ำที่ผสมมาแล้ว (Pre-mixed liquid) ซึ่งความแตกต่างหลัก ๆ จะอยู่ที่วิธีการเก็บรักษา อายุการใช้งาน ประสิทธิภาพ และความเสี่ยงในการเสื่อมคุณภาพค่ะ
-
โบท็อกซ์แบบผง
- เป็นรูปแบบดั้งเดิมที่เรามักเห็นกันมากที่สุด แพทย์จะต้องผสมน้ำเกลือปลอดเชื้อ (saline) ก่อนฉีด
- ข้อดีคือสารออกฤทธิ์จะยังคงมีความเสถียรสูงก่อนที่จะผสม ทำให้เก็บได้นานกว่าหากยังไม่เปิดใช้
- เมื่อเปิดผสมแล้ว ควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง – ไม่เกิน 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและข้อแนะนำของผู้ผลิต
- โอกาสที่ประสิทธิภาพลดลงจากการเก็บก่อนผสมนั้นน้อยกว่าค่ะ
-
โบท็อกซ์แบบน้ำที่ผสมมาแล้ว
- เป็นโบท็อกซ์ที่ถูกผสมน้ำเกลือมาเรียบร้อยจากโรงงาน สามารถนำมาใช้ได้ทันที
- ข้อดีคือสะดวก รวดเร็ว ลดความเสี่ยงจากการผสมผิดสัดส่วนหรือการปนเปื้อน
- ข้อเสียคือสารออกฤทธิ์อาจเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น เมื่อขนส่งหรือเก็บรักษาไม่ถูกต้อง เพราะรูปแบบน้ำมีความไวต่ออุณหภูมิและการสั่นสะเทือนมากกว่า
- อายุการเก็บก่อนใช้จึงมักสั้นกว่าแบบผง และควรมั่นใจว่าเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา
สรุป: โดยรวมแล้ว โบท็อกซ์แบบผงมีแนวโน้มเสถียรกว่าในระยะยาว ก่อนผสม แต่ต้องผสมอย่างถูกต้องก่อนฉีด ส่วนแบบน้ำแม้จะสะดวกและลดขั้นตอน แต่หากขนส่งหรือเก็บไม่เหมาะสมอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง ทำให้บางคลินิกนิยมใช้แบบผงเพื่อควบคุมคุณภาพค่ะ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพหลังฉีดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งยี่ห้อ ความสดใหม่ เทคนิคของแพทย์ และการดูแลหลังฉีดด้วยค่ะ
คุณอยากให้จะแนะนำรายชื่อยี่ห้อโบท็อกซ์แต่ละรูปแบบ พร้อมข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบรนด์ไหมคะ จะได้เห็นภาพชัดขึ้นค่ะ