โรคกลากเกลื้อนสามารถบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่าหรือไม่

อาการโรคกลากเกลื้อนบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่าได้หรือไม่

โดยทั่วไปแล้วโรคกลากและโรคเกลื้อนเป็นการติดเชื้อราที่ผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes หรือ Malassezia ซึ่งมักจะไม่รุนแรงมากและสามารถรักษาให้หายได้ด้วยยาทาภายนอกหรือยารับประทานค่ะ อย่างไรก็ตาม มีบางสถานการณ์ที่อาการของโรคเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ลึกซึ้งหรือร้ายแรงกว่า เช่น

  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV/AIDS, ผู้ที่ใช้ยากดภูมิ หรือมีโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน
  • การติดเชื้อราที่ลุกลาม ซึ่งเกิดเมื่อไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจลามเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนัง หรือบางกรณีเข้าสู่กระแสเลือด (พบได้ยาก)
  • ภาวะผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อร่วม โดยแบคทีเรียอาจแทรกซ้อน ทำให้เกิดหลุมหนองหรือผิวหนังบวมแดงมากผิดปกติค่ะ

นอกจากนี้บางครั้งผิวหนังที่มีอาการคล้ายกลากเกลื้อนอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังประเภทอื่น เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis), โรคผื่นภูมิแพ้ (Atopic dermatitis), หรือโรคผิวหนังติดเชื้อรุนแรงเช่น Sporotrichosis และ Chromoblastomycosis ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผิวหนังค่ะ ดังนั้น หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์หลังการรักษา หรือมีอาการลุกลาม ปวด บวม แดง หรือมีไข้ร่วม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ

เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ควร

  1. รักษาความสะอาดและทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้ง
  2. ใช้ยาตามแพทย์หรือเภสัชแนะนำอย่างเคร่งครัด
  3. หลีกเลี่ยงการเกา เพื่อไม่ให้เกิดบาดแผลและติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
  4. ตรวจสุขภาพเพื่อดูว่ามีโรคเรื้อรังหรือภาวะกดภูมิที่ซ่อนอยู่หรือไม่ค่ะ