อาการเสียวบริเวณอวัยวะเพศหลังการรับประทานยาปฏิชีวนะ

สอบถามหน่อยค่ะ
เมื่อวันที่ 1ไปตรวจสุขภาพแล้วเจอว่าในปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มีอาการปัสสาวะไม่สุด(ปกติเป็นคนดื่มน้ำน้อย)และปวดท้องน้อยสลับซ้ายขวา

เลยไปหาหมอวันที่5 หมอบอกไม่ถึงกับติดเชื้อแต่ประมาณใกล้จะติดเชื้อแล้วเลยให้ยาMetronidazole 400 mg มาทานเช้า กลางวัน เย็น 7วัน เราเลยกินยาแล้วดื่มน้ำต่อวันให้มากขึ้น

วันที่8 มีอาการเหมือนเข็มทิ่มเวลาปัสสาวะ แต่หลังจากกินน้ำให้เยอะขึ้นอีกก็หาย

วันที่10 ตอนปัสสาวะมีอาการปวดท้องน้อยเหมือนโดนบีบเบาๆ แต่เป็นรอบเดียวก็หาย ปัสสาวะได้ปกติ ไม่ปวดอะไร

วันที่11 ตื่นมามีอาการเสียวบริเวณอวัยวะเพศตลอดเวลา แต่ไม่มีอาการอย่างอื่น(ไม่มีตกขาว,ไมีมีกลิ่นเหม็น,สีปัสสาวะปกติ,ปริมาณและการปัสสาวะปกติ)

ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับยังมีเชื้ออยู่หรือเกี่ยวกับประจำเดือนไหม เพราะจะมาประมาณวันที่18นี้ค่ะ

จากข้อมูลที่ให้มา อาการของคุณมีความเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะและการติดเชื้อในระดับเริ่มต้นค่ะ ซึ่งหมอให้ยา Metronidazole ถือว่าช่วยควบคุมเชื้อบางชนิดได้ แต่โดยปกติ Metronidazole มักใช้รักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียแบบไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic bacteria) หรือเชื้อโปรโตซัว มากกว่าการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะทั่วไปนะคะ ดังนั้นอาการที่ยังคงพบภายหลังอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น

  • การที่เชื้อบางชนิดยังไม่ถูกกำจัดหมด
  • ปริมาณน้ำที่ดื่มมากขึ้นช่วยให้ขับเชื้อออก แต่ร่างกายยังมีการระคายเคืองที่เยื่อบุทางเดินปัสสาวะ
  • อาการเสียวบริเวณอวัยวะเพศอาจเชื่อมโยงกับการระคายเคืองของเส้นประสาทในบริเวณนั้น หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนใกล้ช่วงมีประจำเดือนค่ะ

ข้อสังเกตและข้อแนะนำเพิ่มเติม:

  1. หากยังมีอาการเสียวหรือปวดบริเวณอวัยวะเพศบ่อย ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจซ้ำ โดยอาจทำการเพาะเชื้อจากปัสสาวะ เพื่อเลือกยาที่ตรงกับเชื้อค่ะ
  2. อาการใกล้ช่วงมีประจำเดือนบางครั้งจะมีความไวของเส้นประสาทและการหมุนเวียนเลือดในอุ้งเชิงกรานมากขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวหรือปวดแบบที่เล่ามาได้ค่ะ
  3. ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร และหลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะนาน ๆ เพื่อลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรียค่ะ
  4. หากมีอาการอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ปัสสาวะขัดมาก ปัสสาวะมีกลิ่นแรง มีไข้ หรือปวดหลัง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณการติดเชื้อลุกลามค่ะ

โดยสรุป อาการเสียวบริเวณอวัยวะเพศหลังรักษาด้วยยา อาจไม่ใช่การติดเชื้อที่ยังคงอยู่เสมอไป แต่ควรตรวจซ้ำเพื่อความมั่นใจ และดูบริบทช่วงฮอร์โมนก่อนมีประจำเดือนร่วมด้วยค่ะ