อาการชาเป็นสัญญาณของโรคอะไรได้บ้าง?
อาการชาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุและอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหรือภาวะบางอย่างค่ะ สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ปัญหาระบบประสาทส่วนปลาย เช่น เส้นประสาทถูกกดทับจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือโรคเส้นประสาทอักเสบจากเบาหวานค่ะ
- การไหลเวียนเลือดไม่ดี เช่น โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงแขนขาไม่เพียงพอค่ะ
- ภาวะขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามิน B1, B6, B12 ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทค่ะ
- โรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis), โรคหลอดเลือดสมอง, หรือภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติค่ะ
นอกจากนี้ อาการชายังอาจเกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น นั่งหรือยืนท่าเดิมนาน ๆ กดทับเส้นประสาทหรือหลอดเลือด ทำให้ชั่วคราวแขนหรือขาชาได้ค่ะ แต่ถ้ามีอาการชาเกิดขึ้นบ่อย ๆ หรือเป็นต่อเนื่องและร่วมกับอาการอื่น เช่น อ่อนแรง พูดไม่ชัด เวียนหัว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยค่ะ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงอย่างโรคหลอดเลือดสมองได้ค่ะ
โดยสรุป การหาสาเหตุของอาการชาควรดูจากตำแหน่ง ลักษณะ ระยะเวลาที่เกิด และอาการร่วมอื่น ๆ เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ถูกต้องค่ะ การตรวจที่อาจต้องทำร่วมกัน เช่น การตรวจเลือด วัดการทำงานของเส้นประสาท หรือเอกซเรย์ MRI ในบางกรณีค่ะ การดูแลเบื้องต้นคือหลีกเลี่ยงท่าที่กดทับเส้นประสาทนาน ๆ รักษาสุขภาพทั่วไปให้ดี และไปพบแพทย์เมื่ออาการไม่หายหรือรุนแรงขึ้นค่ะ