ลูก9เดือน7วัน ชอบแลบลิ้น หรือเล่นน้ำลาย แบบนี้ปกติไหม บางครั้งมีเป่าปาก เล่นน้ำลาย ฟู้ๆ ด้วย (ฟันของน้องยังไม่ขึ้นด้วย) ตอนท้องตรวจ นิฟ ผลปกติทุกอย่าง
อาการที่น้อง 9 เดือนมีการแลบลิ้น เล่นน้ำลาย หรือเป่าปาก “ฟู้ๆ” โดยที่ฟันยังไม่ขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยและมักอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ เนื่องจากช่วงวัยนี้เป็นระยะที่ทารกกำลังเรียนรู้และควบคุมการใช้ปาก ลิ้น และกล้ามเนื้อใบหน้า รวมถึงเป็นการสำรวจสิ่งรอบตัวด้วยการใช้ประสาทสัมผัสต่างๆ
- ทารกวัย 6–12 เดือน มีการพัฒนา การควบคุมกล้ามเนื้อปากและลิ้น จึงมักทำพฤติกรรม เช่น แลบลิ้น เป่าลม เล่นน้ำลาย หรือออกเสียงแปลกๆ
- การเล่นน้ำลายอาจเกี่ยวข้องกับ การเตรียมพร้อมสำหรับการพูด เพราะเป็นการฝึกออกเสียงและควบคุมการหายใจ
- ฟันที่ยังไม่ขึ้นในวัย 9 เดือนก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ บางคนอาจมีฟันขึ้นช้าถึง 12 เดือน หรือมากกว่าเล็กน้อย โดยถ้าไม่มีอาการเจ็บป่วยอื่นก็ไม่ต้องกังวลค่ะ
ทั้งนี้ พ่อแม่ควรสังเกตเพิ่มเติมว่า
- น้องมีพัฒนาการอื่นๆเป็นปกติ เช่น นั่งได้ เล่นของ เล่นกับคน สบตา ตอบสนองเสียงเรียก
- ไม่มีอาการผิดปกติ เช่น น้ำลายไหลมากจนไอหรือสำลักบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือปฏิสัมพันธ์ลดลง
- หากมีอาการร่วม เช่น ไม่สบตา ไม่ตอบสนองเสียงเลย หรือพัฒนาการล่าช้า ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ
โดยภาพรวม อาการที่เล่าเป็นพฤติกรรมพัฒนาการปกติของเด็กวัยนี้ และไม่เกี่ยวข้องกับผลการตรวจนิฟก่อนคลอดที่ปกติอยู่แล้วค่ะ แต่ควรติดตามพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและพาไปตรวจสุขภาพตามนัดเพื่อตรวจความก้าวหน้าของพัฒนาการค่ะ
เคยเห็นในสื่อออนไลน์ บอกว่า เด็กอายุมากกว่า6เดือน ถ้าชอบแลบลิ้น แบบนี้เสี่ยงเป็น ดาวน์ แต่ตอนท้องตรวจ นิฟ ผลก็ปกติทุกอย่าง
จากข้อมูลทางการแพทย์ อาการ “แลบลิ้น” ในทารกหลัง 6 เดือน ไม่ถือว่าเป็นสัญญาณชี้เฉพาะเจาะจงว่าจะเป็นดาวน์ซินโดรมเสมอไปค่ะ เด็กวัยนี้หลายคนมีการแลบลิ้น เล่นลิ้น เป่าปาก หรือเล่นน้ำลายเพื่อฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อช่องปาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติในพัฒนาการ โดยปัจจัยที่ทำให้แลบลิ้นบ่อยอาจมีหลายอย่าง เช่น
- ฟันยังไม่ขึ้น หรือเหงือกคัน
- น้ำลายมาก (บางครั้งจากการเตรียมฟันขึ้น)
- ฝึกเปล่งเสียงและสำรวจการใช้ปาก
- ความอยากรู้อยากเห็นและเล่นกับเสียง/สัมผัสในปาก
สำหรับดาวน์ซินโดรม เด็กมักมีลักษณะร่วมหลายอย่าง ไม่ใช่แค่แลบลิ้น เช่น รูปหน้าจำเพาะ กล้ามเนื้อต่ำ (hypotonia) พัฒนาการช้าหลายด้าน รวมทั้งมีความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ตรวจพบได้ตั้งแต่ในครรภ์ การตรวจ NIPT (นิฟ) ที่ทำระหว่างตั้งครรภ์เป็นการตรวจคัดกรองที่แม่นยำสูงสำหรับดาวน์ซินโดรม หากผลปกติ โอกาสที่จะเป็นจริงมีน้อยมากค่ะ แม้จะไม่ใช่ 100% แต่ก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถือสูงมาก
สิ่งที่ควรทำคือสังเกตพัฒนาการโดยรวมของน้อง เช่น การนั่ง ทรงตัว การใช้มือ หยิบจับของ การสบตาและสื่อสาร ถ้าทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีอาการอื่นร่วมก็มีโอกาสสูงว่าเป็นเพียงพฤติกรรมเล่นและสำรวจของวัยนี้ค่ะ แต่หากมีความกังวลหรือสังเกตเห็นการพัฒนาช้ากว่ามาตรฐาน ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อตรวจประเมินให้มั่นใจค่ะ
พัฒนาการของน้องตามวัยครับ ลุกนั่งได้เอง นั่งมั่นคง เกาะยืนได้แล้ว แต่ไม่คลาน กระดืบได้ครับ
จากข้อมูลที่คุณเล่า น้องสามารถ ลุกนั่งได้เอง นั่งมั่นคง และเกาะยืนได้แล้ว ถือว่าพัฒนาการร่างกาย (Gross Motor) อยู่ในเกณฑ์ดีและทันวัยค่ะ เด็กบางคนอาจข้ามขั้นการ “คลาน” แล้วไปเริ่มเกาะยืน หรือเดินโดยจับสิ่งพยุงเลย ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ การเคลื่อนที่แบบกระดืบ (commando crawl) ก็เป็นรูปแบบหนึ่งในการฝึกกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวค่ะ
ข้อมูลพัฒนาการเด็กวัยประมาณ 9 เดือนตามเกณฑ์ทั่วไป
- สามารถนั่งได้เองและนั่งได้นานโดยไม่ล้ม
- ใช้มือหยิบจับสิ่งของ ชอบเคาะ หรือส่งของจากมือหนึ่งไปอีกมือ
- เคลื่อนที่ได้หลายวิธี: คลาน กระดืบ หรือหมุนตัวไปมา
- บางคนเริ่มเกาะยืน และอาจก้าวขาเล็กน้อยเมื่อมีผู้ช่วยพยุง
- พูดพยางค์ซ้ำๆ เช่น “มะมะ/บะบะ” และตอบสนองเมื่อเรียกชื่อ
แม้การคลานเป็นหนึ่งในขั้นพัฒนา แต่ไม่ใช่ทุกคนต้องคลาน หากน้องสามารถใช้วิธีอื่นเคลื่อนที่และมีกล้ามเนื้อมัดใหญ่แข็งแรง เช่น ลุกนั่ง เกาะยืนได้ ก็ถือว่าพัฒนาการเป็นปกติค่ะ สิ่งที่ควรทำต่อคือ
- กระตุ้นให้น้องใช้ท่าทางที่หลากหลาย เช่น ให้เล่นบนพื้นราบ กางของเล่นต่างชั้นให้เคลื่อนที่
- ใช้ของเล่นดึงดูดให้ขยับจากท่านั่งไปเกาะ ยืน หรือคลานเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดต่างๆ
- ตรวจสุขภาพและพัฒนาการตามนัดกุมารแพทย์ เพื่อประเมินการเติบโตและฝึกทักษะต่อเนื่องค่ะ
โดยภาพรวม น้องมีพัฒนาการร่างกายดีตามวัย และพฤติกรรมแลบลิ้นที่คุณเคยกังวลยังอยู่ในขอบเขตที่ถือว่าเป็นการเล่นหรือสำรวจของวัยนี้ ไม่ใช่สัญญาณชี้เฉพาะถึงโรคดาวน์ซินโดรมเมื่อผล NIPT ปกติค่ะ
ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ ลูก9เดือน เวลาเรียกลูกครั้งแรกลูกจะหันมามองเลย แม้เรียกใกล้หรือไกลแค่ไหนก็จะหันมามอง มองได้สักพักน้องก็หันหน้ากลับ แล้วผมเรียกครั้งที่2เว้นระยะเรียกแค่2-3วินาที(หลังจากลูกฟันหน้ากลับ) ครั้งที่2ลูกจะไม่ค่อยหันมามองแล้ว(แต่บางครั้งก็หันมา) แบบนี้ปกติไหมครับ
จากที่คุณเล่า อาการที่เรียกลูกครั้งแรกแล้วหันมามองทันที แต่เมื่อเรียอีกรอบในช่วงเวลาใกล้กัน น้องอาจไม่หันมามองทุกครั้ง ถือว่าเป็นพฤติกรรมปกติของเด็กวัยนี้ค่ะ เนื่องจากสมองของทารกกำลังเรียนรู้และมีความสนใจต่อสิ่งรอบตัวหลายอย่าง จึงอาจเลือกโฟกัสสิ่งที่สนใจมากกว่าเสียงเรียกเมื่อเพิ่งได้ยินไปแล้ว
เหตุผลที่เด็กไม่หันตอบสนองทุกครั้งอาจรวมถึง
- ความสนใจต่อสิ่งอื่น: เช่น ของเล่น เสียงรอบตัว หรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
- การเรียนรู้และแยกแยะเสียง: เมื่อได้ยินเสียงเรียกซ้ำๆ ในช่วงสั้น เด็กอาจมองว่ามีสิ่งอื่นที่ “เร่งด่วน” ในการสำรวจมากกว่า
- แรงจูงใจ: ถ้าการเรียกไม่ได้มีสิ่งกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น น้ำเสียงตื่นเต้น ของเล่น หรือรอยยิ้ม เด็กอาจไม่สนใจกลับมามอง
สิ่งที่ควรสังเกตเพิ่มเติม คือ เมื่อเรียกลูกในสถานการณ์ปกติ (ไม่เรียถี่เกินไป) น้องสามารถหันมาตอบสนอง มีการสบตา ยิ้ม หรือแสดงออกว่าเข้าใจว่าเรียกเขา และในพัฒนาการด้านอื่นๆ เช่น การสื่อสาร การเคลื่อนไหว และปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เป็นไปตามวัย ซึ่งจากที่คุณเล่า น้องหันมามองทันทีครั้งแรกและมีพัฒนาการด้านร่างกายดี แสดงว่าโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ หากต้องการกระตุ้นให้หันมามองบ่อยขึ้น อาจเปลี่ยนน้ำเสียงให้หลากหลาย เพิ่มท่าทางประกอบ หรือใช้ของเล่นดึงดูดความสนใจค่ะ
แล้วแบบนี้คือน้องบอกความต้องการไหมครับ
คือน้องอยากเอาหนังสือนิทาน น้องจะมองแล้วทำปฏิกิริยาว่าอยากได้หนังสือนิทาน โดยการทำมือยื่นโน้มตัวยื่นจะหยิบ(ผมอุ้มลูกอยู่)แต่น้องไม่ได้ชี้นิ้วบอกความต้องการ
จากที่คุณเล่า น้องมีการมองวัตถุที่ต้องการ เช่น หนังสือนิทาน แล้วทำท่าทางยื่นมือ โน้มตัวไปทางสิ่งนั้น แม้ยังไม่ชี้นิ้ว ถือว่าเป็น “การสื่อสารความต้องการ” ในรูปแบบที่เหมาะกับวัยค่ะ เพราะทารกประมาณ 8–10 เดือน มักเริ่มใช้ภาษากายเพื่อบอกว่าต้องการอะไร โดยขั้นตอนก่อนที่จะชี้นิ้ว มักเริ่มจาก การมองวัตถุที่สนใจและใช้ร่างกายเคลื่อนไหวไปทางนั้น การยื่นมือ เอื้อม หรือดึงตัวไปใกล้สิ่งที่ต้องการ การส่งเสียงหรือเปลี่ยนสีหน้าเมื่ออยากได้
พัฒนาการการ “ชี้นิ้ว” (Pointing) เพื่อสื่อความหมายมักจะเริ่มเห็นชัดประมาณ 12 เดือน หรือบางคนอาจช้ากว่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะที่ใช้ประเมิน Social Communication และความเข้าใจของเด็ก ถ้าตอนนี้น้องสามารถใช้ภาษากายอื่นๆ เช่น มองเป้าหมาย จ้องพร้อมยื่นมือโน้มตัว และตอบสนองต่อการช่วยเหลือของผู้ใหญ่ ก็ถือว่าเป็นการสื่อสารความต้องการได้ตามวัยค่ะ
สิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อส่งเสริม คือ
- ใช้คำพูดประกอบทุกครั้งที่หยิบของให้ เช่น “อยากได้หนังสือใช่ไหมคะ” เพื่อเชื่อมโยงการกระทำกับคำพูด
- กระตุ้นให้ลูกลองใช้มือในหลายรูปแบบ เช่น เอื้อมเต็มแขน ผลัก หรือแตะเบาๆ
- แสดงตัวอย่างการชี้นิ้วให้ดูบ่อยๆ เช่น ชี้ไปที่ของเล่นแล้วพูดชื่อของสิ่งนั้น
โดยรวม พฤติกรรมที่น้องแสดงตอนนี้เป็นขั้นพัฒนาไปสู่การชี้นิ้วและสื่อสารชัดเจนในอนาคตค่ะ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่ามีการรับรู้และสื่อสารเชิงสังคมตามเกณฑ์ค่ะ