รู้เท่าทันเพื่อป้องกัน ไข้เลือดออกต่างกับไข้หวัดใหญ่อย่างไร?

ไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้ง่าย ถึงแม้ว่าทั้งสองโรคจะมีอาการคล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งการทำความเข้าใจความแตกต่างของโรคทั้งสองชนิดนี้ จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรับมือกับโรคได้อย่างถูกต้อง

ไข้เลือดออก (Dengue Fever)

ไข้เลือดออก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายกัดคนที่ติดเชื้อไวรัสเดงกี และต่อมาไปกัดคนอื่นก็จะทำให้ไวรัสเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ถูกกัด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา [3]

อาการของไข้เลือดออก [5]

  • ไข้สูง 38-41 องศา ติดต่อกัน 2-7 วัน
  • ปวดศีรษะรุนแรง
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • อ่อนเพลีย
  • มีจุดเลือดออกหรือผื่นแดงตามผิวหนัง
  • เลือดออกจากเหงือกหรือจมูก
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • เบื่ออาหาร
  • อาจมีภาวะเลือดออกรุนแรง
  • อาจมีภาวะช็อก

วิธีรักษาไข้เลือดออก [4,5]

การรักษาไข้เลือดออก โดยทั่วไปจะเน้นการบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคนี้ จึงจะต้องดูแลรักษาตามอาการ ดังนี้

  • เมื่อมีไข้ควรรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการไข้และปวดหัว

  • ดื่มน้ำมากๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากไข้เลือดออกมักทำให้เกิดการขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ช็อก โดยเฉพาะในระยะที่มีไข้สูง

  • ควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือสารละลายเกลือแร่ เพื่อทดแทนแร่ธาตุที่สูญเสียจากการเหงื่อออกหรือการขาดน้ำ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการติดเชื้อ เพราะไข้เลือดออกอาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย การพักผ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

  • ในบางกรณีที่ไข้เลือดออกมีอาการรุนแรง จนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ไข้สูงมากกว่า 3-4 วัน, ช็อก, เลือดออกในช่องท้อง, ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือ ผื่นแดงบนผิวหนัง ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเหมาะสม

วิธีป้องกันไข้เลือดออก [4,5]

สำหรับการป้องกันไข้เลือดออกจะเน้นไปที่การควบคุมยุงลายและการป้องกันไม่ให้ยุงกัด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ซึ่งวิธีการป้องกันสามารถทำได้ ดังนี้

  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น ขจัดน้ำขังในภาชนะต่างๆ จะช่วยลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้
  • ใช้ยากันยุงเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัด
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดแขนและขา เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดบริเวณผิวหนัง
  • ควรใช้มุ้งในขณะนอนหลับช่วงกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัด
  • การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสเดงกีและบรรเทาความรุนแรงของอาการไข้เลือดออกได้

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจาก Influenza virus ในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยจะติดต่อจากคนสู่คนผ่านการไอหรือจามโดยมีละอองของไวรัสแพร่กระจายไปในอากาศ หรือการสัมผัสพื้นผิวสิ่งของที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แล้วใช้มือไปสัมผัสที่จมูกหรือปาก [1,2]

อาการของไข้หวัดใหญ่ [2]

  • ไข้สูง 39-40 องศา ติดต่อกัน 3-4 วัน
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • อ่อนเพลีย
  • ไอ จาม คัดจมูก
  • เจ็บคอ
  • ปวดศีรษะ
  • น้ำมูกไหล
  • อ่อนเพลีย
  • อาเจียน

วิธีรักษาไข้หวัดใหญ่ [1]

การรักษาไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะเน้นที่การบรรเทาอาการ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น โดยมีวิธีการ ดังนี้

  • รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล สามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดตามร่างกายได้

หรือถ้าหากมีอาการน้ำมูกไหล ควรใช้ยาลดน้ำมูกและหมั่นเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดาเพื่อลดไข้ และพักผ่อนให้เพียงพอ

  • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อบรรเทาอาการ เนื่องจากไข้หวัดใหญ่จะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำจากเหงื่อและไข้ รวมถึงช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและช่วยลดความรู้สึกแห้งในคอและปาก
  • หากอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น การหายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หรืออาการปอดบวม ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

วิธีป้องกันไข้หวัดใหญ่ [2]

การป้องกันไข้หวัดใหญ่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่กระจายของไวรัสได้ โดยมีวิธีการที่สามารถปฏิบัติมี ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ เพราะไวรัสอินฟลูเอนซาจะแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางละอองจากการไอหรือจาม การหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้
  • ล้างมือบ่อยๆ โดยใช้น้ำหรือสบู่ สามารถช่วยกำจัดเชื้อไวรัสที่อาจติดอยู่บนมือได้ ควรล้างมือให้สะอาดหลังจากสัมผัสกับพื้นผิวที่มีคนอื่นสัมผัสหรือก่อนรับประทานอาหาร
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการไอหรือจาม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสไปยังผู้อื่น และช่วยลดการติดเชื้อจากผู้อื่น
  • ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากวัคซีนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และลดอาการรุนแรงของโรคได้

ที่มาของข้อมูล:

  1. สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย: “โรคไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่”.
  2. โรงพยาบาลดีบุก: “โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)”.
  3. กรมควบคุมโรค: “ไข้เด็งกี่ (Dengue)”.
  4. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล: “ไข้เลือดออก ภัยร้ายหน้าฝนจากยุงลาย”.
  5. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์: “โรคไข้เลือดออก ภัยร้ายจากยุงลาย”.

“ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นสำหรับประชาชนเป็นการทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการให้ข้อมูลเท่านั้น ข้อมูลนี้ไม่ควรถูกนำไปใช้เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาปัญหาสุขภาพหรือโรคใด ๆ การให้ข้อมูลดังกล่าวนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการทดแทนการปรึกษากับผู้ให้บริการทางการแพทย์ โปรดปรึกษาผู้ให้บริการทางการแพทย์ของท่านสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม”

C-ANPROM/TH/DENV/0773: MAY 2025