ประจำเดือนไม่มา 1 เดือน แต่มีตกขาว ตรวจแล้วไม่ท้อง เป็นเพราะอะไร
สาเหตุที่ประจำเดือนของคุณไม่มาตลอด 1 เดือนแต่มีตกขาว ทั้งที่ตรวจแล้วพบว่าไม่ตั้งครรภ์ สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยค่ะ โดยรายละเอียดที่ควรพิจารณามีดังนี้:
-
ฮอร์โมนไม่สมดุล
- ความเครียด, ความเหนื่อยล้า หรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศหญิง
- การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก เช่น ผอมเกินไป, อ้วนขึ้น หรือการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว
- ภาวะ Polycystic Ovary Syndrome (PCOS) ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับฮอร์โมนเพศและทำให้รอบเดือนผิดปกติ
-
การติดเชื้อหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์
- ตกขาวที่คุณพบอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราที่ช่องคลอด เช่น Candida หรือ Bacterial Vaginosis
- หากตกขาวมีกลิ่นเหม็น สีเปลี่ยนเป็นเหลืองหรือเขียว มีอาการคันหรือแสบในช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์
-
การใช้ยาและผลข้างเคียง
- ยาคุมกำเนิด หรือยาที่มีผลกระทบต่อฮอร์โมนอาจเป็นสาเหตุของรอบเดือนที่ไม่มาตามปกติ
- หากคุณเพิ่งหยุดใช้ยาคุมกำเนิด อาจต้องใช้เวลาสักระยะก่อนที่รอบเดือนจะกลับมาเป็นปกติ
แนะนำให้คุณสังเกตอาการเพิ่มเติม เช่น ตกขาวที่ผิดปกติ หรือสัญญาณร่างกายอื่น ๆ หากอาการยังคงอยู่หรือแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการตรวจอย่างละเอียดค่ะ นอกจากนี้ ควรรักษาสุขภาพด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ, ลดความเครียด และรับประทานอาหารให้สมดุลค่ะ