อาการปวดใต้ซี่โครงขวาหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี

ปวดท้องบริเวณใต้ซีกโครงขวา กดลงแล่วเจ็บจุกๆ

อาการปวดท้องบริเวณใต้ซีกโครงขวาอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาอาการร่วมและภาวะอื่นๆ เพื่อช่วยจำแนกสาเหตุหลักได้ชัดเจนขึ้น ตัวอย่างของสาเหตุที่อาจเกี่ยวข้องมีดังนี้:

  1. ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับตับ:

    • ตับเป็นอวัยวะที่อยู่ใต้ซี่โครงขวา หากปวดบริเวณนี้อาจเกิดจากตับอักเสบ (Hepatitis) นิ่วในถุงน้ำดี หรือภาวะที่เรียกว่าตับแข็ง (Cirrhosis)
    • อาการอาจร่วมกับอาการเหลือง (ตัวและตาขาวเหลือง) หรืออาหารไม่ย่อย
  2. ปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี:

    • อาการเจ็บใต้ซี่โครงขวาอาจเกิดจากโรคนิ่วในถุงน้ำดีหรือติดเชื้อในถุงน้ำดี
    • อาจรู้สึกเจ็บแบบจุกแหลมหลังรับประทานอาหารมัน หรือมีกลิ่นเหม็นของลมหายใจ
  3. ปัญหาระบบย่อยอาหารหรือลำไส้:

    • อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) แผลในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ใหญ่อักเสบ
    • มีอาการอื่นร่วม เช่น ท้องอืด ท้องเสีย หรืออาหารไม่ย่อย

ถ้าการเจ็บไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นที่น่ากังวลเพิ่มเข้ามา เช่น ไข้สูง อาเจียน หรือตัวเหลือง แนะนำให้พบแพทย์ทันทีค่ะ การวินิจฉัยด้วยอัลตราซาวด์หรือการทดสอบเฉพาะทางจะช่วยระบุเหตุผลได้แน่ชัดค่ะ การดูแลเบื้องต้นที่บ้านควรงดอาหารที่มีไขมันสูง และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอค่ะ

เคยผ่านิ้วในถุงน้ำดีไปแล่วเมื่อประมาณ10ปีก่อนคะ

จากข้อมูลที่ให้มาว่าคุณเคยผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน และกำลังมีอาการปวดจุกบริเวณใต้ซี่โครงขวา อาจมีสาเหตุหลายประการที่ควรพิจารณาค่ะ โดยเฉพาะในผู้ที่ผ่านการผ่าตัดถุงน้ำดีมาก่อน อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยดังนี้:

  1. ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดถุงน้ำดี:

    • อาจเกิดการตกค้างของนิ่วในทางเดินน้ำดี (Retained Stones) แม้การผ่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางครั้งนิ่วเล็กๆ อาจเกิดขึ้นใหม่ในท่อน้ำดี
    • การตีบแคบของทางเดินน้ำดี (Biliary Stricture) อาจส่งผลให้มีแรงดันในระบบทางเดินน้ำดีและสร้างอาการปวดบริเวณที่กล่าวถึง
  2. ภาวะที่เกี่ยวข้องกับลำไส้และระบบทางเดินอาหาร:

    • หลังผ่าตัดถุงน้ำดี ระบบย่อยอาจมีการปรับตัว เช่น น้ำดีอาจถูกปล่อยสู่ลำไส้โดยไม่ได้รับการเก็บไว้ที่ถุงน้ำดี ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาหารไม่ย่อยหรือท้องอืด
    • โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือแก๊สที่สะสมในลำไส้อาจทำให้เกิดอาการปวดในบริเวณดังกล่าวได้
  3. โรคตับหรือท่อน้ำดีอื่นๆ:

    • หากมีการอักเสบของตับหรือน้ำดี การปวดอาจมาพร้อมกับอาการทางระบบ เช่น ตัวเหลือง (Jaundice) หรืออาการคันบริเวณผิวหนัง

คำแนะนำ

  • การตรวจเพิ่มเติม: หากอาการปวดยังคงอยู่หรือรุนแรงขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม แพทย์อาจใช้วิธีอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ทางเดินน้ำดี รวมทั้งตรวจเลือดเพื่อดูค่าการทำงานของตับ
  • การดูแลตนเองเบื้องต้น: หลีกเลี่ยงอาหารมันหรือเผ็ดจัด งดดื่มแอลกอฮอล์ และดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
  • พบแพทย์ทันที: หากมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง หนาวสั่น ตัวเหลือง หรืออาเจียนรุนแรง ควรรีบไปโรงพยาบาลค่ะ

การติดตามอ่านผลการตรวจที่ผ่านมาเกี่ยวกับถุงน้ำดีและการดูแลสุขภาพโดยรวมเป็นสิ่งสำคัญ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น อาการอื่นร่วมด้วย สามารถบอกเพิ่มเพื่อช่วยวิเคราะห์ได้ค่ะ