ยาและการจัดการโรคไตและอาการบวมอักเสบที่นิ้วหัวแม่โป้งเท้า

แล้วปกติถ้าเป็นโรคไต ควรกินยาอะไร ถ้า colchicine ไม่เหมาะกับไตระยะ3ขึ้นไป
แล้วถ้ากินมา3สัปดาห์อาการบวมปวดลด แต่ที่กระดูกเท้าหัวแม่โป้งยังบวมอยู่(ลดเเล้วแต่ยังไม่ปกติ) ต้องกินต่อนานจนหมดที่หมอจ่ายมาหรือเเบบใด

สำหรับโรคไตระดับ 3 (หรือ Chronic Kidney Disease ระยะที่ 3) การเลือกรับประทานยาเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังค่ะ เนื่องจากการทำงานของไตเริ่มลดลงและอาจมีผลกระทบต่อการกำจัดของเสียหรือสารเคมีในร่างกาย สามารถพิจารณาตามนี้:

  1. ยาที่เหมาะสมสำหรับโรคไต:

    • ยาสำหรับอาการปวดบวมเช่นโรคเกาต์: การใช้ยารักษาโรคเกาต์ในผู้ที่มีปัญหาโรคไตอาจเปลี่ยนไปจากยาที่ใช้ในผู้ไม่มีโรคไตค่ะ เช่น Colchicine ที่คุณกล่าวถึงอาจไม่เหมาะสำหรับคนไข้ไตระยะ 3 หรือมากกว่า เนื่องจากอาจส่งผลเสียกับไต หากจำเป็นอาจต้องปรับขนาดยา หรือเปลี่ยนไปใช้ยากลุ่มอื่น เช่น Febuxostat สำหรับการควบคุมกรดยูริก หรือ NSAIDs แบบใช้เฉพาะจุด แต่ก็ควรระวังผลข้างเคียงค่ะ
    • ยาขับปัสสาวะ: หากมีอาการบวมมาก แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาขับปัสสาวะ เช่น Furosemide เพื่อช่วยลดน้ำที่สะสมในร่างกาย แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ
  2. การรับประทานยาที่หมอจ่ายมา:

    • การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์มีความสำคัญ อย่าหยุดยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำ เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงกลับมาได้ค่ะ หากคุณใช้ Colchicine แล้วอาการบวมและปวดลดลง แต่ยังคงมีอาการบวมที่นิ้วหัวแม่โป้ง การปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินต่อว่ายาควรจะถูกปรับหรือหยุดใช้เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ เพราะอาการที่เหลืออยู่อาจไม่ใช่ผลของยาโดยตรง แต่เป็นการสะสมของผลข้างเคียงหรืออาจเกี่ยวเนื่องกับโรคพื้นฐานที่ยังไม่ได้รับการจัดการจนหมดค่ะ
  3. สิ่งที่คุณควรทำเพิ่มเติม:

    • การดูแลสุขภาพไต: หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อไต เช่น การใช้ยาที่อาจเป็นพิษต่อไต การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง หรือการดื่มน้ำไม่เพียงพอค่ะ
    • ปรึกษาแพทย์: หากคุณยังมีอาการอักเสบ คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบ อาจต้องมีการตรวจเพิ่มเติมว่ากระดูกนิ้วเท้ามีอาการอื่นๆ เช่น ติดเชื้อหรือมีผลจากโรคเกาต์ค่ะ

สรุปคือ คุณควรรับประทานยาที่ถูกจ่ายโดยแพทย์จนหมดและไม่ควรหยุดใช้ยาเองค่ะ หากยังมีอาการเหลืออยู่ ควรปรึกษาเพิ่มเติมเพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาต่อค่ะ