อสุจิมีสีเหลือง เป็นอะไร
อสุจิมีสีเหลืองอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ส่วนใหญ่ไม่ใช่อาการที่อันตราย แต่บางครั้งอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางประการได้ สาเหตุที่พบบ่อยมีดังนี้:
- การสะสมของอสุจิ: หากไม่ได้หลั่งอสุจิมาเป็นเวลานาน อสุจิอาจมีสีเหลืองจากการที่เซลล์อสุจิสะสมและสลายในองคชาตตามธรรมชาติค่ะ
- อาหารและวิตามิน: การบริโภคอาหารที่มีสีเหลือง เช่น แครอท หรืออาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี อาจส่งผลให้สีของอสุจิเหลืองได้ค่ะ
- การติดเชื้อ: การที่อสุจิมีสีเหลืองอาจเกิดจากการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ การอักเสบของต่อมลูกหมาก หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในค่ะ
- ผสมกับปัสสาวะ: ถ้าหลั่งอสุจิในขณะที่มีกลิ่นและสีเหมือนปัสสาวะ อาจเป็นสัญญาณว่ามีอสุจิปนกับปัสสาวะค่ะ
หากอสุจิสีเหลืองมาพร้อมอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์:
- มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณอวัยวะเพศ
- มีกลิ่นที่ผิดปกติ
- อสุจิมีเลือดปน
- อาการผิดปกติอื่น เช่น ไข้ หรืออาการแสบร้อนขณะปัสสาวะ
ถ้าไม่มีอาการผิดปกติร่วม อาการนี้อาจเกิดเพียงชั่วคราวและไม่เป็นอันตรายค่ะ แต่หากยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและตรวจสอบเพิ่มเติมค่ะ
เป็นมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้ว
ถ้าอสุจิมีสีเหลืองและเป็นต่อเนื่องมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ อาจต้องพิจารณาถึงสาเหตุในเชิงลึกมากขึ้นค่ะ แม้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรง แต่ก็มีบางกรณีที่ควรได้รับการประเมินโดยแพทย์เพื่อความมั่นใจ ต่อไปนี้คือสาเหตุและคำแนะนำที่เกี่ยวข้อง:
สาเหตุ:
- การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์
- การติดเชื้อในต่อมลูกหมาก (Prostatitis) หรือต่อมต่าง ๆ ภายในระบบสืบพันธุ์อาจทำให้อสุจิมีสีเหลืองได้ค่ะ
- บางครั้งอาจมาพร้อมกับอาการอื่น เช่น ปวดบริเวณอวัยวะเพศ ไข้ หรือแสบเวลาปัสสาวะ
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- หากมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน อาจมีความเป็นไปได้ว่าเกิดจากโรคหนองในหรือโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- มักมาพร้อมกับอาการเจ็บปวด ปัสสาวะขุ่น หรือมีหนองร่วมค่ะ
- ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
- การอักเสบหรือปัญหาอื่นของต่อมลูกหมากอาจส่งผลต่อสีอสุจิและการหลั่งค่ะ
- สารตกค้างจากปัสสาวะ
- หากมีปัสสาวะปนในอสุจิ สีอาจดูเหลืองได้ แต่ปกติจะไม่เป็นต่อเนื่องค่ะ
คำแนะนำ:
- หาหมอเพื่อวินิจฉัย: ถ้าอาการยังคงมีต่อเนื่องและไม่ชัดเจนว่าเป็นเพราะเหตุผลใด ควรพบแพทย์เฉพาะทางระบบทางเดินปัสสาวะหรือระบบสืบพันธุ์เพื่อรับการตรวจค่ะ แพทย์อาจทำการตรวจอสุจิ หรือแนะนำให้ส่งอัลตราซาวด์
- การรักษาความสะอาด: ล้างทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดการติดเชื้อเพิ่มเติม
- ระมัดระวังเรื่องเพศสัมพันธ์: หากมีหรือเคยมีพฤติกรรมเสี่ยง ควรตรวจสุขภาพเป็นระยะและใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ
ถ้าหากอาการนี้ไม่ได้มาพร้อมกับอาการเจ็บปวดหรือผิดปกติอื่น ๆ อาจไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง แต่ก็ควรพบแพทย์เพื่อให้ได้คำตอบที่แน่ชัดและสบายใจค่ะ