สาเหตุของเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

หลังมีเพศสัมพันธ์เสร็จจะมีเลือดออกทุกครั้งเกิดจากอะไร
ไม่ได้มีรุ่นแรง

สาเหตุของเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย และถึงแม้จะไม่เกิดจากการกระทำที่รุนแรง แต่ก็ยังควรให้ความสำคัญต่ออาการนี้นะคะ สาเหตุที่พบได้บ่อยมีดังนี้:

  1. การติดเชื้อหรือการอักเสบในช่องคลอด – หากมีการติดเชื้อหรือการอักเสบ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา อาจส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดอ่อนแอลงและเกิดเลือดออกได้ค่ะ
  2. แผลหรือการระคายเคือง – การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการเสียดสีหรือแผลในบริเวณช่องคลอด โดยเฉพาะถ้ามีการหล่อลื่นไม่เพียงพอ
  3. โรคปากมดลูก – เช่น เยื่อบุปากมดลูกอักเสบ หรืออาจมีติ่งเนื้อหรือปัญหาของเซลล์บริเวณปากมดลูก ซึ่งทำให้เกิดเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ได้
  4. ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล – การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในช่วงใกล้หมดประจำเดือน หรือในช่วงบางจังหวะของอายุสามารถส่งผลต่อสุขภาพเยื่อบุภายในช่องคลอดค่ะ
  5. ภาวะที่เกี่ยวข้องกับเนื้องอกหรือมะเร็ง – เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พบได้ในบางกรณี โดยเฉพาะถ้ามีเลือดออกบ่อยและจำนวนมาก

คำแนะนำ:

  • หากอาการนี้มีความถี่และยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เพื่อทำการตรวจหาโรคเพิ่มเติม เช่น การตรวจภายใน หรือ Pap smear เพื่อหาความผิดปกติค่ะ
  • รักษาสุขภาพและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณช่องคลอด เช่น สบู่ที่มีสารเคมีแรง
  • อย่าลืมสังเกตอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น อาการปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกในช่วงอื่นๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีคำถามเพิ่มเติม ยินดีช่วยค่ะ