การตรวจภูมิแพ้: วิธีการและความแตกต่าง

การตรวจภูมิแพ้มีกี่วิธี แต่ละวิธีต่างกันยังไง?

การตรวจภูมิแพ้มีหลายวิธีค่ะ โดยวิธีต่าง ๆ ที่ใช้ในการตรวจนั้นมีข้อกำหนดและลักษณะการตรวจที่แตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ:

  1. Skin Prick Test (การทดสอบบนผิวหนัง):

    • วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมและพบได้บ่อยที่สุดค่ะ โดยจะใช้การหยดสารที่สงสัยว่าเป็นตัวกระตุ้นภูมิแพ้ลงบนผิวหนังและใช้เข็มเล็ก ๆ จิ้มให้สารเข้าถึงชั้นผิวหนัง
    • หากเกิดปฏิกิริยา เช่น ผื่นแดงหรืออาการบวมที่จุดทดสอบ แสดงว่าร่างกายอาจมีภูมิแพ้ต่อสารนั้น
    • มีข้อดีคือรวดเร็วและสามารถตรวจสารหลายชนิดได้ในครั้งเดียว หากแต่บางคนอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยค่ะ
  2. Blood Test (การตรวจเลือด):

    • วิธีนี้ใช้การเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อนำไปวิเคราะห์หาค่า IgE (Immunoglobulin E) ที่ตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้
    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหรือไม่สามารถทำ Skin Prick Test ได้ เช่น ผู้ที่มีผิวหนังบอบบางหรือเป็นโรคผิวหนัง
    • ข้อได้เปรียบคือไม่เจ็บเหมือนการจิ้มผิวหนัง แต่ใช้เวลานานกว่าผลทดสอบบนผิวค่ะ
  3. Patch Test (การทดสอบโดยใช้แผ่นติดผิว):

    • วิธีนี้ใช้ในการตรวจสารภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยาช้า เช่น โลหะ สารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยจะติดแผ่นที่มีสารนั้นไว้บนผิวหนังเป็นเวลาหลายวัน
    • หลังจากนั้นจะประเมินการตอบสนอง เช่น ผื่นแดงหรืออาการอักเสบ
    • วิธีนี้เน้นตรวจสารที่มักเกิดจากการสัมผัสในชีวิตประจำวันค่ะ

แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันค่ะ การเลือกวิธีการตรวจขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุ ความสะดวกของผู้ป่วย และความเหมาะสมทางการแพทย์ค่ะ เพื่อให้ได้ผลที่ถูกต้องควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางภูมิแพ้เพื่อประเมินวิธีที่เหมาะสมกับคุณค่ะ