อาการระยะเริ่มต้นหลังรับเชื้อ HIV

อาการของhivช่วงแรดที่รับเชื้อ

ในระยะเริ่มต้นหลังจากได้รับเชื้อ HIV อาการที่แสดงออกจะอยู่ในช่วงที่เรียกว่า “ระยะเฉียบพลัน” (Acute HIV Infection) ซึ่งมักจะเกิดขึ้นระหว่าง 2-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อค่ะ อาการในช่วงนี้มีลักษณะคล้ายกับการติดเชื้อไวรัสทั่วไปหรือไข้หวัดใหญ่ โดยในบางคนอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลยค่ะ

อาการที่พบได้ในระยะเริ่มต้นของการติดเชื้อ HIV:

  1. ไข้ - เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อุณหภูมิร่างกายอาจเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 38-40°C ค่ะ
  2. เจ็บคอ - อาจรู้สึกระคายคอหรือเจ็บคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ค่ะ
  3. ต่อมน้ำเหลืองโต - เช่น บริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบค่ะ
  4. ผื่นบนผิวหนัง - มักเป็นผื่นแดงกระจายทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกและหลังค่ะ
  5. ปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อ - อาการปวดทั่วร่างกาย รวมถึงปวดข้อค่ะ
  6. อ่อนเพลีย - รู้สึกไม่มีแรงหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติค่ะ
  7. เหงื่อออกมากในตอนกลางคืน (Night sweats) - เป็นการเหงื่อออกที่ไม่เกิดจากความร้อนค่ะ
  8. ท้องเสียหรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน - ระบบย่อยอาหารอาจมีการเปลี่ยนแปลงค่ะ

ข้อควรทราบ:

  • อาการเหล่านี้อาจคงอยู่ได้นาน 1-2 สัปดาห์และหายไปเองค่ะ
  • หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นการติดเชื้อธรรมดา ทำให้อาจไม่ได้ตรวจหาการติดเชื้อ HIV ในระยะนี้ค่ะ
  • หากคุณมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ขอแนะนำให้เข้ารับการตรวจเลือดเพื่อยืนยันเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

การตรวจจับ HIV ในระยะนี้ควรใช้วิธีการตรวจที่มีความไวสูง เช่น RNA PCR หรือ Antigen/Antibody Test เพราะวิธีตรวจปกติอาจยังไม่สามารถตรวจพบในระยะแรกได้ค่ะ การตรวจเร็วจะช่วยให้เข้าสู่กระบวนการรักษาในเชิงป้องกันได้ทันทีค่ะ