เดือนที่แล้วมีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วสดแต่หลั่งนอก หลังจากนั้นประจำเดือนมาปกติ แต่เดือนนี้ประจำเดือนเลื่อน 7 วันยังไม่มาเลยค่ะ ช่วงนี้เครียดๆ ทำงานหนักมีผลทำให้ประจำเดือนเลื่อนนานขนาดนี้มั้ยคะ หรือท้องได้มั้ย
การที่ประจำเดือนเลื่อน 7 วันอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งนอก ยังคงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ช่วยลดความเสี่ยงมากกว่าการหลั่งในก็ตาม เนื่องจากอาจมีอสุจิหลุดออกมากับสารหล่อลื่นเล็กน้อยก่อนการหลั่งที่ควบคุมไม่ได้ค่ะ
-
สาเหตุที่ประจำเดือนเลื่อน:
- ความเครียดและการทำงานหนัก: ฮอร์โมนในร่างกายสามารถรับผลกระทบจากความเครียดและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การนอนหลับไม่เพียงพอหรือการทำงานหนัก ซึ่งอาจทำให้วงจรประจำเดือนผิดปกติได้ค่ะ
- การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: ในบางกรณี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ
- ภาวะเจ็บป่วย: หากมีการเปลี่ยนแปลงสุขภาพล่าสุด เช่น น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว หรือภาวะเจ็บป่วยใด ๆ อาจส่งผลต่อการมาของประจำเดือนค่ะ
-
โอกาสตั้งครรภ์:
แม้ว่าประจำเดือนเดือนที่แล้วจะมาแล้ว แต่โอกาสตั้งครรภ์ยังคงมีอยู่เนื่องจากการหลั่งนอกไม่ใช่วิธีป้องกันที่ 100% หากประจำเดือนเดือนนี้เลื่อน การตรวจตั้งครรภ์จะช่วยยืนยันได้ค่ะ โดยแนะนำให้ใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์ที่สามารถตรวจหลังการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วประมาณ 14 วันเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำค่ะ -
คำแนะนำต่อไป:
- หากประจำเดือนยังไม่มา และมีความกังวลเรื่องตั้งครรภ์ การตรวจตั้งครรภ์จะลดความสงสัยได้ค่ะ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องผิดปกติ ประจำเดือนมานานผิดปกติ หรือมีอาการอื่นที่คุณกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมค่ะ
- หากรู้สึกว่าความเครียดและการทำงานหนักเป็นต้นเหตุ ควรหาเวลาให้กับการพักผ่อนอย่างเพียงพอและจัดการกับความเครียดค่ะ
ดังนั้น การประจำเดือนเลื่อนอาจเกิดจากผลของความเครียดและการทำงานหนักได้นะคะ แต่ถ้ากังวลเรื่องการตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจเพื่อความชัดเจนค่ะ
อาการท้องระยะเวลา 1-2 เดือน
อาการของการตั้งครรภ์ในระยะเวลา 1-2 เดือนแรกมักจะแสดงออกมาแตกต่างกันไปในบุคคลแต่ละคนค่ะ โดยอาการบางอย่างสามารถพบได้ทั่วไป และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ดังนี้:
อาการที่พบบ่อยในช่วงต้นของการตั้งครรภ์
- ประจำเดือนขาด: เป็นอาการแรกที่มักจะพบในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หากประจำเดือนขาดหายไปหลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจเป็นสัญญาณที่คุณควรตรวจสอบค่ะ
- คลื่นไส้หรืออาเจียน (Morning sickness): เกิดขึ้นได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6 เป็นอาการที่หลายคนพบในช่วงเช้าหรือเวลาอื่น ๆ ของวัน
- ความรู้สึกเหนื่อยและอ่อนเพลีย: เนื่องจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้นค่ะ
- คัดเต้านมหรือเจ็บเต้านม: ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในร่างกายจะทำให้บริเวณเต้านมมีการขยายตัว และเกิดความไวต่อสัมผัสค่ะ
- การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: หลายคนอาจรู้สึกอารมณ์แปรปรวน เช่น เครียดมากกว่าปกติ รู้สึกหงุดหงิด หรือมีภาวะซึมเศร้าที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ปัสสาวะบ่อยขึ้น: อาการนี้เกิดจากการที่มดลูกเริ่มขยายตัวและกดทับกระเพาะปัสสาวะ
อาการที่ควรสังเกตเพิ่มเติม
- ปวดท้องน้อยหรือหน่วง: ในช่วงตั้งครรภ์ระยะแรก คุณอาจรู้สึกปวดท้องแบบเล็กน้อยอันเนื่องมาจากการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิในมดลูกค่ะ
- ความรู้สึกไวต่อกลิ่น: คุณอาจเริ่มรู้สึกว่ากลิ่นบางอย่างเหม็น หรือมีกลิ่นแรงกว่าเดิม
- ผิวแห้งหรือเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง: เช่น มีอาการคล้ำบริเวณหัวนมหรือเส้นเลือดที่ผิวหนังชัดเจนขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติม
หากคุณสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ การตรวจด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่บ้านจะช่วยยืนยันได้ค่ะ โดยชุดตรวจมักจะสามารถใช้ได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 14 วัน หรือเมื่อประจำเดือนขาดหายไป การไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีทางการแพทย์ เช่น การตรวจเลือด หรืออัลตราซาวนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการยืนยันผลค่ะ
หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องรุนแรง มีเลือดออกผิดปกติ หรือเกิดความกังวล ควรปรึกษาแพทย์ทันทีนะคะ