ฉีดยารักษาซิฟิลิสไปแล้ว แผลที่อวัยวะเพศเริ่มมีอาการดีขึ้น และผลตรวจเลือดคือ non reactive ไม่ทราบว่าเราหายจากการเป็นซิฟิลิสหรือยัง
การที่แผลบริเวณอวัยวะเพศเริ่มมีอาการดีขึ้นหลังจากฉีดยารักษาซิฟิลิสเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่าอาการติดเชื้อลดลงค่ะ และผลตรวจเลือดที่แสดงว่าเป็น “non reactive” หมายถึงการตรวจหาแอนติบอดี้ต่อซิฟิลิสในเลือดไม่พบ ซึ่งบ่งบอกว่าการติดเชื้อซิฟิลิสได้รับการรักษาเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม การหายจากซิฟิลิสและการวินิจฉัยว่าหายขาดนั้นต้องพิจารณาเพิ่มเติมค่ะ
-
ผลตรวจเลือด “non reactive”:
- ผลนี้แสดงว่าไม่มีแอนติบอดี้ในเลือดต่อ Treponema pallidum (เชื้อที่ทำให้เกิดซิฟิลิส) นั่นหมายถึงว่าร่างกายคุณตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
-
ระยะเวลาการติดตามผล:
- แพทย์มักแนะนำให้ติดตามผลเลือดเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาได้ผลสมบูรณ์และไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อซ้ำค่ะ ระยะเวลานี้อาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการเคยติดเชื้อ และระยะของโรคที่เกิดขึ้นก่อนการรักษา
-
การตรวจสอบแผลและอาการที่เหลืออยู่:
- หากแผลที่อวัยวะเพศหายดีและไม่มีอาการปวดหรือภาวะอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อยืนยันว่าการรักษาหายขาดแล้วค่ะ เนื่องจากบางครั้งเชื้ออาจซ่อนในร่างกายโดยไม่แสดงอาการ
ดังนั้น แม้ผลเลือดของคุณจะ non reactive และแผลมีอาการดีขึ้น แต่เพื่อความมั่นใจในการหายขาด ควรเข้ารับการตรวจติดตามกับแพทย์ตามคำแนะนำค่ะ การปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการกลับมาติดเชื้ออีกครั้งค่ะ
แตรนำเลือดไปตรวจ ไม่เคยมีค่าไตเตอร์ขึ้น และเป็น non reactive ตลอด เป็นปกติมั้ย
ผลเลือดที่ตรวจไม่พบค่าไตเตอร์ (titer) ของซิฟิลิสและขึ้นผลเป็น non reactive ตลอดนั้นเป็นเรื่องปกติในกรณีที่คุณไม่ได้ติดเชื้อซิฟิลิสค่ะ นี่หมายความว่าร่างกายคุณไม่ได้สร้างแอนติบอดีต่อเชื้อ Treponema pallidum เพราะไม่เคยสัมผัสหรือติดเชื้อเลย ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณสุขภาพที่ดีค่ะ แต่หากคุณสงสัยหรือเคยได้รับการรักษาซิฟิลิสมาก่อน ภาวะนี้อาจต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมค่ะ
การวิเคราะห์กรณีที่ตรวจไม่พบค่าไตเตอร์และเป็น non reactive:
-
ไม่เคยได้รับเชื้อ/การติดเชื้อ:
- หากคุณไม่เคยมีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วย, ไม่เคยมีประวัติการติดเชื้อ และตรวจแล้วผลเลือดเป็น non reactive สม่ำเสมอ ถือว่าคุณปลอดภัยและไม่มีเชื้อซิฟิลิสค่ะ
-
ระยะการตรวจเลือดหลังการรักษา:
- ในกรณีที่คุณเคยรักษาซิฟิลิส แอนติบอดีที่เคยเกิดขึ้นในเลือดอาจลดลงจนไม่มีค่าไตเตอร์หรือเป็น non reactive ได้ นั่นหมายถึงการรักษาเป็นผลสำเร็จค่ะ
- อย่างไรก็ตาม ในบางคนการตรวจอาจยังพบค่าแอนติบอดีแม้ว่าเชื้อจะหมดไปแล้ว (reactive แต่ไม่มีเชื้อที่สามารถแพร่ต่อ) ขึ้นอยู่กับระบบภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลค่ะ
-
ข้อควรระวังในการตรวจซ้ำ:
- การตรวจเชื้อซิฟิลิสมีหลายวิธี วิธีที่ผลออกมาเป็น non reactive โดยมากคือการตรวจ RPR หรือ VDRL ซึ่งเน้นตรวจหาแอนติบอดี แต่หากผลตรวจนั้น non reactive เรามั่นใจได้ในระดับที่ดีว่าไม่มีการติดเชื้อค่ะ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม:
- หากคุณไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเคยมีความเสี่ยงใกล้ชิดกับผู้ที่อาจติดเชื้อ คุณไม่จำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใดค่ะ
- การตรวจสุขภาพเป็นระยะและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงซิฟิลิสได้ดีที่สุดค่ะ