อาหารเป็นพิษ อาการเป็นยังไงและรักษาอย่างไร?
อาหารเป็นพิษเป็นภาวะที่เกิดจากการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต รวมถึงสารพิษที่ปนเปื้อนในอาหาร อาการโดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงถึง 2-3 วันหลังบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน และสามารถแตกต่างไปตามชนิดของเชื้อหรือสารพิษที่กระทบ ร่วมทั้งความรุนแรงของอาการค่ะ
อาการของอาหารเป็นพิษ:
- ระบบทางเดินอาหาร:
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย อุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำ
- ปวดท้อง หรือปวดเกร็ง
- อาการอื่น ๆ:
- มีไข้ หนาวสั่น
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ปวดเมื่อยตามตัว หรือปวดศีรษะ
- อาการรุนแรง (กรณีฉุกเฉิน):
- อุจจาระมีเลือดปน
- อาการขาดน้ำขั้นรุนแรง เช่น ปากแห้ง ผิวซีด เวียนศีรษะ หรือหมดสติ
วิธีการรักษา:
- พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ:
- ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำหัวเกลือแร่ (ORS) เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ที่หายไปกับอุจจาระหรืออาเจียนค่ะ
- หลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท:
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารเครื่องเทศจัด และอาหารไม่ย่อย
- รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม หรือขนมปังอบ
- ใช้ยา:
- ยาลดไข้หรือยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ถ้ามีไข้หรือปวด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาหยุดถ่ายโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ
- พบแพทย์ทันทีถ้าอาการรุนแรง:
- หากมีไข้สูง อุจจาระมีเลือดปน หรือมีอาการขาดน้ำขั้นรุนแรง ควรรีบนำตัวส่งแพทย์ค่ะ
การป้องกันอาหารเป็นพิษทำได้ง่ายโดยการหมั่นล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร เลือกทานอาหารปรุงสุกใหม่ สดสะอาด และเก็บรักษาอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสมค่ะ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการดังกล่าวอย่าลืมดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิดนะคะ!