ไข้เลือดออกแล้วไม่อยากกินข้าวและรู้สึกอยากอ้วกควรไปหาหมอไหม

เป็นไข้เลือดออกกี่วันถึงจะหายคะ

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus) ผ่านการแพร่เชื้อของยุงลายค่ะ ระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะหายปกติจากโรคนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความรุนแรงของอาการ และภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคลค่ะ โดยทั่วไป ระยะเวลาที่ใช้สำหรับการหายจากไข้เลือดออกมีรายละเอียดดังนี้:

  1. ระยะเวลาที่เป็นโรค:

    • ไข้เลือดออกทั่วไปจะมีระยะรุนแรงของอาการประมาณ 7-10 วันค่ะ โดยในช่วงนี้จะมีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ และบางคนอาจมีผื่นขึ้นบนผิวหนังค่ะ
    • หากอาการรุนแรงมาก (Dengue Hemorrhagic Fever) อาจใช้เวลานานกว่าในการรักษา เช่น 2-3 สัปดาห์ ซึ่งต้องดูแลอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาลค่ะ
  2. การฟื้นตัวหลังหายไข้:

    • หลังจากไข้เริ่มลด อาการอ่อนเพลียหรือวิกลจริตจากการขาดน้ำจะยังคงอยู่เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยควรดื่มน้ำอย่างเพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายค่ะ
    • การตรวจติดตามสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกหรือผิวหนังซีดจาง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ค่ะ
  3. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นตัว:

    • อายุและภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมีผลต่อระยะเวลาการฟื้นตัวค่ะ เด็กและผู้สูงวัยอาจมีแนวโน้มต้องใช้เวลานานกว่า
    • หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว โอกาสที่จะฟื้นตัวโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจะเพิ่มขึ้นค่ะ

หากคุณหรือคนใกล้ชิดยังมีข้อกังวล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและคำแนะนำที่ถูกต้องค่ะ

เป็นไข้เลือดออกไม่อยากกินข้าวรู้สึกอยากอ้วก นมก็ไม่อยากกินแต่กินอย่างอื่นได้ที่ไม่ใช่เม็ดข้าวกับนมแบบนี้ควรไปหาหมอไหมคะ

จากลักษณะอาการของคุณที่เป็นไข้เลือดออกและมีอาการไม่อยากกินข้าว รู้สึกอยากอ้วก และไม่สามารถกินอาหารบางอย่างได้ อาการเหล่านี้อาจเป็นผลจากระบบย่อยอาหารที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสเดงกี่ค่ะ การที่ไม่อยากกินอาหารและรู้สึกคลื่นไส้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ป่วยไข้เลือดออก แต่ต้องระวังหากอาการเหล่านี้มีความรุนแรงขึ้น หรืออยู่ต่อเนื่องจนร่างกายขาดสารอาหารและน้ำค่ะ

กรณีที่ควรพิจารณาไปพบแพทย์:

  1. หากคุณมีอาการป่วยรุนแรง เช่น คลื่นไส้ตลอดเวลา, อาเจียนบ่อยจนไม่สามารถกินอาหารได้ หรือรู้สึกอ่อนแรงมาก อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณว่ามีภาวะร่างกายขาดน้ำซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนค่ะ
  2. หากเริ่มมีอาการที่ส่อถึงภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน หรือมีจุดแดงใต้ผิวหนังมากขึ้น
  3. อาการที่มีแนวโน้มหรือรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการเองได้ที่บ้าน เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปัสสาวะลดลง

คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการดูแลตัวเอง:

  • ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยลองเติมน้ำเกลือแร่หากรู้สึกอ่อนแรงค่ะ
  • ลองรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่มีกลิ่นแรง เช่น โจ๊ก ซุป หรืออาหารที่ย่อยง่าย เพื่อให้ร่างกายได้พลังงานค่ะ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานของมันและอาหารที่ย่อยยาก
  • หากไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมค่ะ

โดยรวมแล้ว หากมีข้อกังวลว่าร่างกายไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเหมาะสมหรือมีอาการผิดปกติ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อให้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมค่ะ