ผมไอเรื้อรังมาหลายเดือนแล้วครับ กินยาแก้ไอก็แค่บรรเทาแต่ไม่หายขาดซักที ควรไปตรวจอะไรเพิ่มเติมไหม?
อาการไอเรื้อรังที่นานเกินกว่า 8 สัปดาห์อาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ การที่คุณไอมาหลายเดือนแล้วโดยที่การใช้ยาแก้ไอไม่ทำให้อาการหายขาด อาจจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ดังนั้นการไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ (Pulmonologist) เป็นทางเลือกที่เหมาะสมค่ะ
สาเหตุที่ควรพิจารณา:
- ภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis/Asthma): หากเกิดร่วมกับน้ำมูกใสหรืออาการคัดจมูกบ่อยๆ อาการไออาจเป็นผลมาจากภูมิแพ้หรือหอบหืดค่ะ
- โรคกรดไหลย้อน (GERD): กรณีไอโดยไม่มีอาการหวัด อาจเกี่ยวกับกรดไหลย้อนขึ้นมาที่คอหอย ทำให้อักเสบและระคายเคืองค่ะ
- การติดเชื้อหรืออาการหลังการติดเชื้อ (Post-Infectious Cough): คุณอาจมีการอักเสบของทางเดินหายใจดังผลจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ยังหลงเหลืออยู่
- โรคปอดเรื้อรัง เช่น วัณโรค (Tuberculosis) หรือโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis): จำเป็นต้องเอ็กซ์เรย์ปอดหรือส่องกล้องตรวจปอดค่ะ
- ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันบางประเภทที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเป็นการไอค่ะ
การตรวจเพิ่มเติมที่อาจจำเป็น:
- X-ray หรือ CT Scan ปอด: ตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่ปอด เช่น การติดเชื้อหรือก้อนเนื้อ
- ตรวจการทำงานของปอด (Spirometry): หากสงสัยว่ามีโรคหอบหืดหรือปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- ส่องกล้องตรวจหลอดลม (Bronchoscopy): ในกรณีที่อาการไอไม่ดีขึ้นและยังหาสาเหตุไม่ได้
- การทดสอบภูมิแพ้: ในกรณีที่สงสัยว่าไอเกิดจากภูมิแพ้ค่ะ
แนะนำให้คุณเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของอาการไอ เช่น เป็นมากตอนกลางคืน มีเสมหะหรือไม่ และอาการร่วม เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือเจ็บหน้าอก เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำค่ะ ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจที่เหมาะสมที่สุดค่ะ