ยาลดกรดยูริกต้องกินตลอดชีวิตไหม
โดยทั่วไป การใช้ยาลดกรดยูริก เช่น allopurinol หรือ febuxostat จะขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของโรคเกาต์หรือภาวะกรดยูริกสูงค่ะ
-
กรณีที่ต้องใช้ยาต่อเนื่องนานหรือเกือบตลอดชีวิต
- หากเป็นโรคเกาต์เรื้อรังที่มีการสะสมของผลึกยูเรตในข้อ หรือมีปุ่มโทไฟ (Tophi)
- มีประวัติเป็นเกาต์กำเริบบ่อย (มากกว่า 2-3 ครั้งต่อปี) และระดับกรดยูริกในเลือดสูงต่อเนื่อง
- มีโรคประจำตัวที่ทำให้ร่างกายขับยูริกได้น้อย เช่น โรคไตเรื้อรัง
- ในกรณีนี้ แพทย์มักจะแนะนำให้ทานยาลดกรดยูริกอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการกำเริบและการทำลายข้อค่ะ
-
กรณีที่อาจหยุดยาได้หลังควบคุมอาการ
- หากภาวะกรดยูริกสูงเกิดจากสาเหตุชั่วคราว เช่น การใช้ยาขับปัสสาวะบางชนิด หรือรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูงในช่วงหนึ่ง
- หลังจากปรับพฤติกรรม เช่น ลดน้ำหนัก ดื่มน้ำมากขึ้น ควบคุมอาหาร และเลี่ยงแอลกอฮอล์ จนระดับกรดยูริกคงที่ต่ำกว่า 6 mg/dL เป็นเวลานาน โดยไม่มีอาการกำเริบ
- ในกรณีนี้ แพทย์อาจลดขนาดยาและพิจารณาหยุดได้ แต่ต้องติดตามค่าเลือดและความเสี่ยงในอนาคตอย่างใกล้ชิดค่ะ
สรุปคือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องทานยาลดกรดยูริกตลอดชีวิต แต่ผู้ที่เป็นเกาต์เรื้อรังหรือมีภาวะไตเสื่อมมักต้องใช้ต่อเนื่องเพื่อควบคุมโรคและป้องกันการทำลายข้อ ควรปรึกษาและติดตามกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพราะการหยุดยาเองอาจทำให้โรคกำเริบได้ค่ะ
สนใจไหมคะ ถ้าดิฉันจะทำตารางให้ดูว่า “ใครบ้างที่ต้องกินตลอด” และ “ใครมีโอกาสหยุดยาได้” เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น?