การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap Smear กับ HPV DNA Test ต่างกันอย่างไร
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมีหลายวิธีค่ะ ซึ่ง Pap Smear และ HPV DNA Test ถือเป็นสองวิธีหลักที่ใช้กันในปัจจุบัน แต่มีความแตกต่างกันทั้งในหลักการตรวจและความแม่นยำ ดังนี้ค่ะ
1. Pap Smear
- หลักการ: ใช้แปรงหรือตัวป้ายเก็บเซลล์จากปากมดลูก เพื่อนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์หาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจบ่งบอกถึงภาวะก่อนมะเร็งหรือมะเร็งปากมดลูก
- จุดเด่น: เหมาะกับการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่เกิดขึ้นแล้ว สามารถบอกได้ว่ามีเซลล์ผิดปกติหรือไม่ เช่น เซลล์อักเสบ หรือเซลล์มีลักษณะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
- ข้อจำกัด: หากไวรัส HPV ติดใหม่และยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ อาจตรวจไม่พบค่ะ และความแม่นยำขึ้นอยู่กับคุณภาพการเก็บตัวอย่างและการอ่านผล
2. HPV DNA Test
- หลักการ: ตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ของไวรัส HPV โดยเฉพาะสายพันธุ์เสี่ยงสูงที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
- จุดเด่น: สามารถตรวจพบการติดเชื้อ HPV ได้ตั้งแต่ระยะแรกก่อนที่เซลล์จะเกิดความผิดปกติ เหมาะสำหรับการประเมินความเสี่ยงในอนาคต
- ข้อจำกัด: แม้ตรวจพบว่าเป็น HPV ความหมายอาจเพียงแค่ว่าติดเชื้อ ซึ่งหลายคนร่างกายสามารถกำจัดได้เอง แต่ต้องติดตามใกล้ชิดค่ะ
สรุป
- Pap Smear: ตรวจการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ → เหมาะในการจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว
- HPV DNA Test: ตรวจหาเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในอนาคต → เหมาะประเมินความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆ
ในการคัดกรองปัจจุบัน แพทย์มักใช้ทั้งสองวิธีร่วมกัน (Co-testing) เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดโอกาสพลาดการตรวจพบการติดเชื้อหรือความผิดปกติค่ะ โดยความถี่ในการตรวจขึ้นกับอายุและปัจจัยเสี่ยงของแต่ละบุคคลค่ะ