วิธีจัดการและรักษาอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยจากการฉีดยาคุม 3 เดือน

ฉีดยาคุม3เดือน เข็มที่2 ประจำเดือนมา11วัน เลือดประจำเดือนหยุดไป2วันแล้ววันที่3มีเลือดไหลออกมา ปกติเดือนแรกของเข็มแรกจะมี15วัน แล้วเดือนที่2-37วัน

จากอาการที่เล่ามา คือหลังฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน เข็มที่ 2 มีประจำเดือนอยู่นาน 11 วัน แล้วหยุดไป 2 วัน จากนั้นในวันที่ 3 ก็มีเลือดออกมาอีก ลักษณะนี้เป็นสิ่งที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในผู้ที่ใช้ยาคุมชนิดฉีด โดยเฉพาะในช่วง 6-12 เดือนแรกค่ะ

โดยทั่วไป การฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนจะมีผลข้างเคียงเรื่องเลือดออกผิดปกติได้ เช่น

  • เลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมาหลายวันแล้วหยุด แล้วกลับมาอีก
  • รอบเดือนยาวนานขึ้นหรือถี่ขึ้น ในช่วงแรกที่ร่างกายยังปรับตัวกับฮอร์โมน
  • อาจไม่มีประจำเดือนเลย หลังใช้ต่อเนื่องหลายเข็ม เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจากผลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน

กรณีของคุณเป็นไปได้ว่าเยื่อบุโพรงมดลูกยังไม่เสถียร ทำให้มีเลือดออกเป็นช่วง ๆ ถึงแม้ประจำเดือนหลักจะหมดไปแล้วก็ตามค่ะ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติร่วม เช่น ปวดท้องรุนแรง หน้ามืดซีดมาก หรือมีกลิ่นผิดปกติ มักจะไม่อันตรายและสามารถรอดูอาการไปจนร่างกายปรับตัวได้ค่ะ แต่ถ้าเลือดออกต่อเนื่องนานเกิน 14 วัน หรือออกมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยทุกชั่วโมง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะคะ อีกทั้งควรนัดฉีดยาคุมเข็มถัดไปตามกำหนดเพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่ค่ะ

มีวิธีรักษาไหมเพราะประจำเดือนมาแบบไม่รู้ตัวแล้วทำให้มันเปื้อนกางเกงในค่ะ

อาการประจำเดือนออกไม่สม่ำเสมอและมากะทันหันหลังฉีดยาคุม 3 เดือน เป็นสิ่งที่หลายคนเจอค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนในยาคุมมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จึงเกิดเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือมาแบบไม่รู้ตัวได้ การดูแลและช่วยลดปัญหามีหลายวิธีดังนี้ค่ะ

แนวทางช่วยลดอาการและป้องกันการเปื้อน:

  • พกแผ่นอนามัย (pantyliner) หรือผ้าอนามัยแบบบางติดตัวตลอด เพื่อป้องกันเลอะกางเกงในเมื่อมีเลือดออกกะทันหันค่ะ
  • เปลี่ยนผ้าอนามัยหรือแผ่นอนามัยบ่อย ๆ เพื่อป้องกันความอับชื้นและลดโอกาสติดเชื้อค่ะ
  • จดบันทึกวันและลักษณะเลือดที่ออก เพื่อสังเกตว่ามีความถี่หรือปริมาณเปลี่ยนไปหรือไม่ค่ะ
  • เลือกกางเกงในผ้าฝ้าย ระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยลดโอกาสระคายเคืองค่ะ

วิธีทางการแพทย์ที่อาจช่วยได้ (ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ):

  • แพทย์อาจให้ยาเสริมฮอร์โมนเอสโตรเจนชั่วคราว เพื่อลดการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้เลือดออกน้อยลงค่ะ
  • ใช้ยาต้านการอักเสบบางชนิด (NSAIDs) ในบางกรณี เพื่อช่วยลดปริมาณเลือดที่ออก แต่ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ค่ะ
  • หากเลือดออกต่อเนื่องและรบกวนชีวิตประจำวันมาก อาจพิจารณาเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดเป็นแบบอื่นที่มีฮอร์โมนสมดุลกว่า เช่น ยาคุมรายเดือน หรือห่วงอนามัยฮอร์โมนค่ะ

โดยสรุป อาการนี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวกับฮอร์โมน แต่ถ้ามีเลือดออกบ่อยมาก จนทำให้ซีด อ่อนเพลีย หรือปริมาณมากผิดปกติ ควรไปตรวจเพื่อให้แพทย์ประเมินและปรับการรักษาให้เหมาะสมค่ะ

คุณอยากให้เราช่วยแนะนำ “วิธีใช้ยาเสริมฮอร์โมนเพื่อลดเลือดออก” อย่างละเอียดไหมคะ จะได้เอาไปคุยกับหมอได้ง่ายขึ้นค่ะ