การตรวจหาเชื้อ HIV ด้วยวิธี NAT กับ Anti-HIV ต่างกันอย่างไร
การตรวจหาเชื้อ HIV มีหลายวิธี ซึ่ง NAT (Nucleic Acid Test) และ Anti-HIV (Antibody test) เป็นสองวิธีหลักที่มีความแตกต่างกันคะ
-
การตรวจแบบ NAT
- ตรวจหาสารพันธุกรรมของไวรัส (RNA หรือ DNA) โดยตรงค่ะ
- สามารถตรวจพบเชื้อได้เร็วมากหลังจากรับเชื้อ ประมาณ 7-14 วัน หลังเสี่ยง
- ใช้เทคนิคที่แม่นยำสูง และมักใช้ในกรณีที่ต้องการผลเร็ว เช่น ตรวจเลือดผู้บริจาค หรือยืนยันผลในกรณีที่สงสัยติดเชื้อแต่ตรวจแบบอื่นยังไม่ชัดเจน
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่าและไม่ใช่วิธีตรวจพื้นฐานในคนทั่วไปค่ะ
-
การตรวจแบบ Anti-HIV
- ตรวจหา แอนติบอดี (ภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อ HIV)
- ระยะเวลาการตรวจพบเร็วสุดประมาณ 3-4 สัปดาห์ หลังรับเชื้อ (ขึ้นอยู่กับความไวของชุดตรวจ)
- มีแบบรุ่นใหม่ “4th Generation” ที่ตรวจได้เร็วขึ้น โดยตรวจได้ทั้ง แอนติเจน p24 และแอนติบอดี อาจตรวจพบได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2-3
- เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้ในสถานพยาบาลทั่วไป เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกกว่าและทำได้ง่ายค่ะ
สรุป:
- NAT เหมาะสำหรับตรวจในระยะเริ่มต้นมากๆ หรือในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและต้องการยืนยันผลเร็ว
- Anti-HIV เหมาะกับการคัดกรองคนทั่วไป เนื่องจากประหยัดและสะดวก แต่ต้องรอให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันถึงจะตรวจพบค่ะ
- ทั้งสองวิธีมีความแม่นยำสูง แต่ต่างกันที่สิ่งที่ตรวจหาและช่วงเวลาที่สามารถตรวจพบเชื้อค่ะ