การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่างต้องกินยาต่อเนื่องนานแค่ไหน
ระยะเวลาในการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD) ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อและวิธีการรักษาที่แพทย์กำหนดค่ะ โรคแต่ละชนิดมีกระบวนการรักษาไม่เหมือนกัน และต้องปรับให้เหมาะสมกับความรุนแรงของอาการและผลการตรวจของผู้ป่วย ดังนี้ค่ะ
- โรคที่รักษาด้วยยาครั้งเดียว เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea) และซิฟิลิสระยะแรก แพทย์มักใช้การฉีดยาหรือให้ยาปฏิชีวนะขนาดเดียวจบ ซึ่งมักจะเห็นผลได้รวดเร็ว แต่ยังต้องติดตามซ้ำเพื่อยืนยันว่าเชื้อหมดแล้วค่ะ
- โรคที่ต้องกินยาต่อเนื่อง 7–14 วัน เช่น หนองในเทียม (Chlamydia) หรือ แผลริมอ่อน (Chancroid) มักใช้ยาปฏิชีวนะหลายวันติดต่อกัน เพื่อให้ยาครอบคลุมวงจรการเจริญเติบโตของเชื้อและป้องกันการดื้อยา
- โรคที่ควบคุมแต่ไม่หายขาด เช่น เริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes) จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัสต่อเนื่องช่วงมีอาการ หรือกินทุกวันในระยะยาวเพื่อป้องกันการกำเริบ สำหรับเชื้อเอชไอวี (HIV) ต้องกินยาต้านไวรัสตลอดชีวิตเพื่อควบคุมปริมาณเชื้อและป้องกันโรคร่วมค่ะ
สรุปคือ บางโรครักษาสั้นเพียงครั้งเดียว แต่บางโรคต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายเดือน รวมถึงบางชนิดต้องกินยาตลอดชีวิตค่ะ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ ไม่หยุดยาเอง และควรนัดตรวจซ้ำเพื่อติดตามผลเสมอ นอกจากนี้คู่เพศสัมพันธ์ของผู้ป่วยก็ควรได้รับการตรวจและรักษาเช่นกันเพื่อตัดวงจรการติดเชื้อค่ะ