การตรวจหาเชื้อราที่ผิวหนังหรือเล็บทำได้อย่างไร
การตรวจหาเชื้อราที่ผิวหนังหรือเล็บสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและลักษณะของอาการค่ะ โดยทั่วไปแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายด้วยตาเปล่า เพื่อดูสีผิว ลวดลายของรอยโรค ความหนาของเล็บ หรือผิวหนังที่ลอก/แตก เนื่องจากเชื้อราที่ผิวหนังมักมีลักษณะวงแดงหรือขอบชัด ส่วนเชื้อราที่เล็บจะทำให้เล็บขุ่น เหลือง หรือหนาขึ้นผิดปกติค่ะ
วิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้บ่อย ได้แก่
- การขูดตัวอย่างผิวหนังหรือเศษเล็บ แล้วนำไปตรวจด้วยสารละลาย KOH (Potassium Hydroxide) เพื่อดูเส้นใยของราใต้กล้องจุลทรรศน์
- การเพาะเชื้อรา (Fungal culture) เพื่อระบุชนิดของเชื้อราที่ก่อโรค ซึ่งช่วยเลือกวิธีการรักษาได้แม่นยำมากขึ้น
- การตรวจด้วยแสง Wood’s lamp ในบางกรณี เช่น เชื้อราบางชนิดที่เรืองแสงเมื่อส่องด้วยแสงพิเศษ
- การตัดชิ้นเนื้อ (Skin biopsy) ในกรณีที่สงสัยโรคอื่นร่วมด้วยหรืออาการไม่ชัดเจนค่ะ
โดยสรุป หากสงสัยว่ามีเชื้อราที่ผิวหนังหรือเล็บ ควรไปพบแพทย์เพื่อขูดตรวจหรือเพาะเชื้อ เพราะการดูด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบอกได้ 100% ว่าเป็นเชื้อราหรือโรคผิวหนังชนิดอื่นค่ะ นอกจากนี้การตรวจยังช่วยให้เลือกยารักษาได้อย่างเหมาะสม ลดการใช้ยาผิดประเภทซึ่งอาจทำให้อาการเรื้อรังหรือดื้อยาค่ะ