การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) ที่บ้านกับที่โรงพยาบาล ผลต่างกันมากไหม
ถ้าพูดถึงการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) หรือที่เรียกกันว่า Polysomnography จริง ๆ แล้วทั้งการทำที่บ้าน (Home Sleep Test – HST) และการทำที่โรงพยาบาล (In-lab Sleep Study) มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรค่ะ โดยหลัก ๆ จะต่างกันในด้านความละเอียดของข้อมูลและความสะดวกสบาย ดังนี้ค่ะ
-
ความละเอียดของการตรวจ:
- ที่โรงพยาบาล — ใช้อุปกรณ์แบบเต็มรูปแบบ ตรวจได้หลายพารามิเตอร์ เช่น คลื่นสมอง (EEG), การเคลื่อนไหวของตา, การทำงานของกล้ามเนื้อ, การเต้นของหัวใจ, การไหลเวียนของอากาศ, การขยับตัว และระดับออกซิเจน ทำให้วิเคราะห์ได้ทั้งปัญหาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ (OSA) รวมถึงปัญหาการนอนรูปแบบอื่น ๆ
- ที่บ้าน — ใช้อุปกรณ์พกพาที่ติดตั้งง่าย เน้นวัดการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด และการเต้นของหัวใจ ข้อมูลอาจไม่ละเอียดเท่าที่ตรวจในห้องแล็บ และมักใช้เพื่อคัดกรองเบื้องต้นสำหรับ OSA ค่ะ
-
ความสะดวกสบายและสภาพแวดล้อม:
- ที่บ้าน — ผู้ป่วยได้นอนในสภาพแวดล้อมคุ้นเคย ทำให้นอนหลับเป็นธรรมชาติมากกว่า และช่วยให้ข้อมูลบางอย่างไม่เพี้ยนจากความกังวล
- ที่โรงพยาบาล — แม้จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลและติดตั้งอุปกรณ์ครบ แต่บางคนอาจนอนได้ยากเพราะไม่คุ้นเคยกับสถานที่และสายวัดหลายชนิด
-
ค่าใช้จ่ายและการเข้าถึง:
- ที่บ้าน — ค่าใช้จ่ายมักถูกกว่า และสะดวกเพราะไม่ต้องเดินทางค้างคืนในโรงพยาบาล
- ที่โรงพยาบาล — แพงกว่าแต่ได้ข้อมูลครบถ้วน เหมาะกับกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีความผิดปกติของการนอนที่ซับซ้อน
สรุปคือ ถ้าสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบพื้นฐาน การตรวจที่บ้านอาจเพียงพอค่ะ แต่ถ้าต้องการวิเคราะห์เชิงลึกหรือสงสัยมีโรคการนอนหลายชนิดร่วมกัน การตรวจในโรงพยาบาลจะให้ผลแม่นยำและครบถ้วนกว่าค่ะ หากต้องการ ฉันสามารถช่วยทำตารางเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียทั้งสองแบบให้ดูได้ด้วยนะคะ