คือถ้าเราขับสารเสพติดออกจากร่างกายได้เร็วและล้างเนื้อตัวให้สะอาดก็อาจตรวจไม่พบได้ใช่มั้ยครับ
จริง ๆ แล้วการตรวจหาสารเสพติดจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารเสพติด วิธีตรวจ และระยะเวลาหลังการใช้คะ ไม่ใช่เพียงแค่การล้างตัวหรือชำระร่างกายเท่านั้น การ “ขับสาร” ออกจากร่างกายให้เร็วขึ้นอาจทำได้บางส่วน แต่ไม่สามารถรับประกันว่าจะทำให้ตรวจไม่พบทุกครั้ง เพราะสารเสพติดและสารเมตาโบไลต์ของมันมักจะถูกขับออกทางปัสสาวะ เลือด เหงื่อ และเส้นผม ซึ่งแต่ละชนิดมีระยะเวลาการตรวจพบไม่เท่ากันค่ะ
สิ่งที่ควรทราบคือ
- ระยะเวลาการตรวจพบ:
- ปัสสาวะ: ตรวจพบได้ตั้งแต่ 1-3 วัน (บางสารพบได้นานถึง 2-4 สัปดาห์ เช่น กัญชา)
- เลือด: ตรวจพบได้ไม่กี่ชั่วโมงถึง 1-2 วัน
- เส้นผม: ตรวจพบได้นาน 90 วันขึ้นไป
- การล้างตัวภายนอก เช่น อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า มีผลเพียงลบเศษสารที่อาจติดผิวหนังหรือเส้นผม ไม่ได้ลบสารหรือเมตาโบไลต์ที่อยู่ภายในร่างกายคะ
- การดื่มน้ำมากหรือออกกำลังกาย อาจช่วยให้ร่างกายขับสารได้เร็วขึ้นเล็กน้อย แต่หากตรวจในช่วงที่สารยังอยู่ในระบบ มักยังคงตรวจพบคะ
สรุปคือ แม้จะพยายามล้างสารออกจากร่างกายให้เร็ว การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ใช้วิธีมาตรฐานก็ยังมีโอกาสพบสารอยู่ โดยเฉพาะหากยังไม่พ้นช่วงเวลาที่สารสามารถตรวจพบได้คะ ถ้าสนใจเรื่องการกำจัดสารเสพติดเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย แนะนำให้หยุดการใช้ทันที และดูแลร่างกายด้วยการพักผ่อน ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะดีกว่าคะ
การทานวิตตามินซี1000จะช่วยขับสารเสพติดได้เร็วขึ้นมั๊ย
วิตามินซี (Vitamin C) 1000 mg เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน เช่น เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และมีส่วนช่วยกระบวนการขับของเสียบางชนิดทางปัสสาวะ แต่ในแง่ของ “การขับสารเสพติด” โดยตรง ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์หรือการวิจัยที่ชัดเจนว่าวิตามินซีจะทำให้ร่างกายกำจัดสารเสพติดออกไปได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญค่ะ
โดยหลักการ ร่างกายจะขับสารเสพติดและสารเมตาโบไลต์ของมันผ่านตับและไต วิตามินซีอาจช่วยให้ปัสสาวะมีความเป็นกรดมากขึ้นในบางกรณี ซึ่งอาจส่งผลต่อการขับสารบางชนิด เช่น ยาบางกลุ่มที่ละลายน้ำได้ดีในสภาพปัสสาวะที่เป็นกรด แต่สำหรับสารเสพติดหลากหลายประเภท (เช่น กัญชา แอมเฟตามีน โคเคน) กลไกการขับและเมตาบอลิซึมจะซับซ้อน จึงไม่สามารถพึ่งพาเพียงวิตามินซีเพื่อเร่งการขับออกจากร่างกายได้ค่ะ
ถ้าต้องการให้ร่างกายขับสารได้เร็วและปลอดภัยที่สุด ควรใช้วิธีดังนี้
- หยุดการใช้โดยทันที เพื่อไม่ให้สารสะสมเพิ่ม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยการทำงานของไต
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนเพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบบตับและไตทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
วิตามินซีสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลร่างกายระหว่างฟื้นฟูได้ แต่ไม่ใช่ตัวยาล้างสารเสพติดโดยตรง และผลต่อความเร็วในการตรวจไม่พบนั้นไม่ชัดเจนค่ะ