การฉีดไขมันตัวเองที่หน้าอกหรือก้นปลอดภัยกว่าซิลิโคนไหม
การฉีดไขมันตัวเอง (Fat Grafting หรือ Fat Transfer) และการเสริมซิลิโคน ต่างก็เป็นวิธีเพิ่มขนาดและปรับรูปทรงของหน้าอกหรือก้นที่นิยมใช้กัน แต่ความปลอดภัยและความเสี่ยงจะแตกต่างกันไปค่ะ
การฉีดไขมันตัวเอง
- ใช้ไขมันจากร่างกายเราเอง จึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องการแพ้วัสดุหรือการปฏิเสธร่างกายค่ะ
- แผลมีขนาดเล็ก เพราะใช้วิธีดูดไขมันและฉีดเข้าไป จึงไม่ต้องมีแผลผ่าตัดใหญ่ และมักฟื้นตัวเร็ว
- ข้อจำกัดคือ ไขมันบางส่วนจะสลายไปใน 3–6 เดือนแรก อาจต้องฉีดซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- เสี่ยงต่อการเกิดก้อนแข็ง เนื้อตาย (Fat Necrosis) หรือเกิดซีสต์ และหากทำที่หน้าอก อาจรบกวนการอ่านภาพแมมโมแกรมในอนาคตได้ค่ะ
การเสริมซิลิโคน
- ใช้ซิลิโคนเจลหรือซิลิโคนแบบน้ำเกลือเป็นวัสดุเสริม สามารถเพิ่มขนาดได้ชัดเจนในครั้งเดียว
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าและควบคุมรูปทรงได้แม่นยำกว่า
- มีความเสี่ยงเรื่องแผลผ่าตัด การติดเชื้อ การเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคน (Capsular Contracture) หรือในบางกรณีซิลิโคนรั่ว/แตก
- จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่และมีการพักฟื้นนานกว่า และอาจต้องผ่าตัดแก้ไขในอนาคต
สรุป
โดยทั่วไป การฉีดไขมันถือว่าปลอดภัยกว่าในแง่ของการใช้วัสดุธรรมชาติจากร่างกายและไม่มีวัสดุต่างชาติเหลืออยู่ถาวร แต่ผลลัพธ์มักอยู่ไม่นานและต้องมีปริมาณไขมันเพียงพอในร่างกาย ส่วนซิลิโคนให้ผลที่คงตัวและแม่นยำกว่า แต่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดและวัสดุแปลกปลอมมากกว่า ดังนั้นการเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ งบประมาณ ภาวะสุขภาพ และการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน ควรปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีประสบการณ์เพื่อวางแผนที่เหมาะสมที่สุดค่ะ