การสวนอุจจาระคืออะไร

จะประเมินอาการริดสีดวงได้ยังไง

การประเมินอาการริดสีดวงสามารถทำได้ทั้งด้วยตนเองเบื้องต้นและโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการริดสีดวงทวารเป็นการบวมของหลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักและอาจมีได้ทั้งภายในและภายนอกค่ะ

วิธีประเมินเบื้องต้น

  • สังเกตอาการเจ็บหรือคัน: หากมีอาการเจ็บหรือคันบริเวณทวารหนักโดยเฉพาะเวลานั่งนานหรือหลังกินอาหารที่เผ็ดจัด อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นค่ะ
  • ดูเลือดออก: สังเกตหลังถ่ายอุจจาระ มีเลือดสีแดงสดติดกระดาษชำระหรือหยดลงโถส้วมหรือไม่ เลือดสดมักบ่งบอกถึงริดสีดวงค่ะ
  • สังเกตก้อนนูนบริเวณทวารหนัก: หากคลำเจอก้อนบวม อาจเป็นริดสีดวงภายนอก หรือหากไม่เจอก้อนแต่มีอาการเลือดออกและเจ็บ อาจเป็นชนิดภายในค่ะ
  • ระยะของริดสีดวงภายใน:
    1. ระยะ 1 – เลือดออก แต่ไม่มีตุ่มยื่นออกมา
    2. ระยะ 2 – ก้อนยื่นออกมาขณะถ่าย แต่หดกลับเองได้
    3. ระยะ 3 – ก้อนยื่นออกมา ต้องใช้มือดันกลับ
    4. ระยะ 4 – ก้อนยื่นออกมาและดันกลับไม่ได้

การยืนยันการวินิจฉัยที่แม่นยำต้องตรวจร่างกายโดยแพทย์ ซึ่งอาจใช้วิธีตรวจภายในทางทวาร (digital rectal exam) ร่วมกับการส่องกล้องตรวจลำไส้ตรง (anoscope) เพื่อแยกจากโรคอื่น ๆ เช่น แผลรอบทวารหนัก ติ่งเนื้อ หรือมะเร็งลำไส้ค่ะ หากมีอาการเลือดออกมาก ปวดรุนแรง หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนค่ะ

ถ้าคุณต้องการ ฉันสามารถทำ ตารางเปรียบเทียบอาการและระดับริดสีดวง เพื่อให้คุณประเมินตัวเองได้แม่นยำขึ้นค่ะ สนใจให้ทำตารางนี้ไหมคะ?

ถ้าเป็นระยะที่สามจะรักษาได้ยังไง

ริดสีดวงทวารระยะที่ 3 หมายถึงมีการยื่นของก้อนริดสีดวงออกมานอกทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ และต้องใช้มือดันกลับเข้าที่ จึงมักต้องได้รับการรักษามากกว่าการใช้ยาเพียงอย่างเดียวค่ะ โดยแนวทางการรักษามีดังนี้

การรักษาแบบไม่ผ่าตัด (ถ้าแพทย์พิจารณาว่ายังเหมาะสม)

  • การใช้ยาเหน็บหรือยาทาเพื่อลดการอักเสบและอาการเจ็บ เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือสารสมานแผลค่ะ
  • การใช้ยารับประทานจำพวกยาลดบวมของหลอดเลือดดำ เช่น diosmin หรือ hesperidin ร่วมกับการปรับพฤติกรรม ปรับการกินอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำมาก และหลีกเลี่ยงการนั่งถ่ายนาน
  • การรัดหัวริดสีดวงด้วยยาง (Rubber band ligation) วิธีนี้เหมาะกับริดสีดวงภายในที่มีไม่กี่ก้อนและไม่ใหญ่มาก ทำให้ก้อนฝ่อและหลุดไปเองใน 5-7 วันค่ะ

การรักษาแบบผ่าตัด

  • ทำเมื่อริดสีดวงมีหลายก้อนหรือใหญ่เกินกว่าจะใช้วิธีรัดยางหรือฉีดยาได้
  • การผ่าตัดตัดริดสีดวง (Hemorrhoidectomy) เป็นการตัดก้อนออกทั้งหมด เหมาะกับผู้ที่มีริดสีดวงทั้งภายในและภายนอกหรือมีอาการรุนแรง
  • การผ่าตัดโดยใช้เครื่องเย็บแบบวงกลม (Stapled hemorrhoidopexy) ช่วยดึงก้อนริดสีดวงกลับเข้าที่และตัดเลือดที่มาเลี้ยง ทำให้บวมลดลง

หลังการรักษา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ควร

  • รักษาความสะอาดบริเวณทวารหนัก
  • รับประทานอาหารมีกากใยสูงต่อเนื่อง
  • ออกกำลังกายและเลี่ยงการเบ่งถ่าย
  • ดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตรเพื่อป้องกันท้องผูกค่ะ

ถ้าต้องการ ฉันสามารถทำ “ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของวิธีรักษาริดสีดวงระยะ 3” ให้คุณ เพื่อช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะคะ สนใจให้ทำต่อเลยไหมคะ?

ถ้าจะใช้วิธีรีดยางต้องทำยังไงบ้าง

การรัดยางรักษาริดสีดวง (Rubber Band Ligation) เป็นวิธีที่แพทย์มักใช้กับริดสีดวงภายในระยะ 2-3 ที่ไม่ใหญ่มาก และยังสามารถรัดได้ทีละก้อนไม่เกิน 1–2 ก้อนในแต่ละครั้งค่ะ หลักการคือใช้ยางเล็ก ๆ รัดที่โคนก้อนริดสีดวงเพื่อตัดเลือดที่ไปเลี้ยง ทำให้ก้อนฝ่อและหลุดออกไปเองใน 5–7 วันค่ะ

ขั้นตอนโดยทั่วไป

  1. การเตรียมตัวผู้ป่วย

    • อาจต้องสวนอุจจาระก่อนเข้ารับการทำหัตถการเพื่อให้ลำไส้ตรงสะอาดค่ะ
    • งดอาหารบางชนิดล่วงหน้า เช่น อาหารเผ็ดจัด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  2. ขณะทำการรัดยาง

    • ผู้ป่วยจะนอนตะแคงซ้ายหรือนอนในท่าคลอด
    • แพทย์จะใช้เครื่องส่องทวาร (anoscope) เพื่อมองเห็นก้อนริดสีดวงชัดเจน
    • ใช้อุปกรณ์พิเศษ (ligation device) สอดเข้าไปเพื่อดูดก้อนริดสีดวงให้ยื่นเข้าท่อ แล้วปล่อยยางรัดบริเวณโคนก้อน
    • ขั้นตอนนี้มักใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และปกติไม่เจ็บรุนแรงเพราะริดสีดวงภายในไม่มีเส้นประสาทรับความเจ็บปวดมากค่ะ
  3. การดูแลหลังทำ

    • วันแรกอาจมีความรู้สึกปวดหน่วงทวารเล็กน้อย สามารถรับประทานยาแก้ปวดร่วมกับแช่น้ำอุ่นเพื่อลดอาการได้ค่ะ
    • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำมาก และเลี่ยงการเบ่งถ่าย
    • ภายใน 5–7 วัน ก้อนริดสีดวงและยางจะหลุดออกทางอุจจาระเอง บางครั้งอาจมีเลือดออกเล็กน้อย ซึ่งถือว่าปกติ
    • ควรนัดติดตามอาการตามที่แพทย์กำหนด เพื่อดูว่าจำเป็นต้องรัดยางซ้ำหรือไม่

ถ้าสนใจ ฉันสามารถทำ ตารางข้อดี-ข้อควรระวังของวิธีรัดยาง เพื่อช่วยเปรียบเทียบกับการผ่าตัดหรือการรักษาแบบอื่นได้นะคะ สนใจให้จัดให้เลยไหมคะ?

การสวนอุจจาระคืออะไร

การสวนอุจจาระ คือการนำของเหลว (เช่น น้ำเปล่า น้ำเกลือ หรือน้ำยาสวนอุจจาระสำเร็จรูป) ใส่เข้าไปในลำไส้ตรงผ่านทางทวารหนัก เพื่อกระตุ้นให้มีการขับถ่ายอุจจาระออกมาค่ะ จุดประสงค์ของการสวนอุจจาระมีหลายแบบ เช่น ใช้เพื่อล้างลำไส้ให้สะอาดก่อนการตรวจหรือทำหัตถการทางทวารหนักและลำไส้ ใช้บรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง หรือช่วยลดความอึดอัดในผู้ป่วยที่ไม่สามารถขับถ่ายได้เองค่ะ

ขั้นตอนทั่วไปของการสวนอุจจาระ

  • เตรียมอุปกรณ์: จะมีถุงหรือขวดบรรจุน้ำยาสวนพร้อมท่อ ปลายทาทาสารหล่อลื่นเพื่อลดการเสียดสี
  • ท่าทางผู้ป่วย: มักให้นอนตะแคงซ้าย งอเข่าทั้งสองข้าง เพื่อให้ของเหลวไหลเข้าได้ง่าย
  • การสวน: ค่อย ๆ ใส่หัวสวนเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวล แล้วปล่อยน้ำยาสวนเข้าไปในลำไส้ตรง จากนั้นให้กลั้นไว้ 5–15 นาทีเพื่อให้น้ำยาทำงาน จากนั้นจึงเข้าห้องน้ำเพื่อขับอุจจาระออกค่ะ

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรสวนอุจจาระบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ลำไส้ขี้เกียจและลดการบีบตัวตามธรรมชาติ
  • ควรทำด้วยความนุ่มนวลเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของผนังทวารหนักและลำไส้ตรง
  • ในผู้ที่มีภาวะบางอย่าง เช่น ลำไส้อักเสบ มะเร็งลำไส้ หรือบาดเจ็บบริเวณทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำค่ะ

ถ้าคุณต้องการ ฉันสามารถแนะนำ “สรุปขั้นตอนการสวนอุจจาระด้วยตนเองที่บ้านอย่างปลอดภัย” พร้อมภาพประกอบ เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นนะคะ สนใจให้จัดให้เลยไหมคะ?