ท้องแน่นหลังรับประทานอาหาร พร้อมปัสสาวะบ่อยและท้องป่องแข็ง

ประจำเดือนขาดตั้งแต่เมษายน มีอาการท้องผูก ไม่ถ่าย ปัสสาวะไม่สุด กินอิ่มแล้วปวดหลังขวา เครียดมาก

จากอาการที่คุณเล่ามา — ประจำเดือนขาดตั้งแต่เดือนเมษายน, ท้องผูก ไม่ถ่าย, ปัสสาวะไม่สุด, กินอิ่มแล้วปวดหลังขวา และมีความเครียดมาก — มีหลายภาวะที่ควรพิจารณาค่ะ ซึ่งรวมถึงปัญหาทางระบบสืบพันธุ์, ระบบทางเดินอาหาร, ระบบทางเดินปัสสาวะ และปัจจัยทางจิตใจค่ะ

ความเป็นไปได้ที่ควรพิจารณา

  1. ตั้งครรภ์ – หากมีเพศสัมพันธ์ แนะนำตรวจการตั้งครรภ์เป็นอันดับแรกค่ะ เพราะประจำเดือนขาดเป็นเวลาหลายเดือนเป็นสัญญาณสำคัญ
  2. ปัญหาฮอร์โมนหรือรังไข่ (เช่น PCOS, วัยใกล้หมดประจำเดือน) – ฮอร์โมนไม่สมดุลส่งผลต่อรอบเดือนและระบบขับถ่ายค่ะ
  3. ภาวะท้องผูกเรื้อรังหรือการอุดตันในลำไส้ – อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย, ดื่มน้ำน้อย, หรือมีเนื้องอกในช่องท้อง
  4. กระเพาะปัสสาวะหรือไตมีปัญหา – ปัสสาวะไม่สุดและปวดหลังข้างขวาอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อหรือมีนิ่วที่ทางเดินปัสสาวะ หรือการอุดกั้นค่ะ
  5. ความเครียดสูง – ส่งผลต่อฮอร์โมนร่างกาย ทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานไม่ปกติค่ะ

คำแนะนำเบื้องต้น

  • ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายและตรวจเลือด, ปัสสาวะ, อัลตราซาวด์ช่องท้องและอุ้งเชิงกราน
  • หากท้องผูกรุนแรง ให้เพิ่มกากใยในอาหาร ดื่มน้ำมากขึ้น และขยับร่างกายสม่ำเสมอ แต่หากมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน หรือถ่ายไม่ออกนานกว่า 3-4 วันต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ
  • สังเกตอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้, ปวดท้องน้อย, ปัสสาวะขัด, น้ำหนักลด เพื่อแจ้งแพทย์ค่ะ
  • ลดความเครียดด้วยการฝึกหายใจลึก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ

เนื่องจากคุณมีหลายอาการพร้อมกันและเกิดขึ้นมาหลายเดือน แนะนำให้เข้ารับการตรวจโดยแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงนะคะ เพราะบางกรณีอาจเป็นภาวะที่ต้องรักษาเร่งด่วน เช่น การอุดตันในทางเดินปัสสาวะหรือลำไส้ค่ะ

เวลากินอิ่มจะแน่นท้อง ปวดปัสสาวะบ่อย ท้องป่องแข็ง

จากอาการที่คุณเล่ามา — กินอิ่มแล้วแน่นท้อง, ปวดปัสสาวะบ่อย, และท้องป่องแข็ง — ควรพิจารณาภาวะที่เกี่ยวข้องกับช่องท้องและระบบทางเดินปัสสาวะค่ะ โดยความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้

  • ภาวะมีมวลในช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน เช่น ซีสต์รังไข่ขนาดใหญ่, เนื้องอกมดลูก, ก้อนเนื้องอกในลำไส้ หรือแม้แต่ก้อนของกระเพาะปัสสาวะ อาจกดทับทำให้รู้สึกแน่นท้องและปัสสาวะบ่อยค่ะ
  • ภาวะน้ำในช่องท้อง (Ascites) เกิดจากโรคตับ, โรคหัวใจ, หรือการอักเสบเรื้อรังที่ช่องท้อง ทำให้ท้องแข็งและโป่งค่ะ
  • ปัญหาทางเดินปัสสาวะ เช่น การติดเชื้อเรื้อรังในกระเพาะปัสสาวะ, นิ่ว, หรือเส้นประสาทควบคุมการขับถ่ายทำงานผิดปกติ
  • ระบบทางเดินอาหารมีการอุดตันหรือขัดข้องบางส่วน เช่น ลำไส้อุดตันจากพังผืด, ก้อนเนื้อ, หรือการบวมจากโรคอักเสบ

คำแนะนำเบื้องต้น

  1. ควรไปพบแพทย์ในเร็วที่สุด เพื่อทำการตรวจร่างกายและอัลตราซาวด์ช่องท้องร่วมกับการตรวจเลือดและปัสสาวะค่ะ เพราะอาการนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องตรวจหาสาเหตุเร่งด่วน
  2. ระหว่างรอตรวจ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารปริมาณมาก และสังเกตอาการเพิ่มเติม เช่น ปวดท้องเฉียบพลัน, ปัสสาวะมีเลือด, เบื่ออาหาร หรือเหนื่อยง่าย
  3. หากมีอาการปวดท้องรุนแรง, อาเจียน, หรือถ่ายไม่ออก เป็นภาวะฉุกเฉิน ควรไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

เนื่องจากคุณมีประวัติประจำเดือนขาดเป็นเวลานานร่วมด้วย จึงมีความจำเป็นต้องตรวจทางนรีเวชโดยเฉพาะ เพื่อดูว่ามีซีสต์หรือเนื้องอกในรังไข่/มดลูกหรือไม่ เพราะอาจสัมพันธ์กับอาการท้องป่อง, ปัสสาวะบ่อย, และแน่นท้องค่ะ