เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศชาย
อาการตุ่มที่อวัยวะเพศชายสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยการวินิจฉัยจำเป็นต้องพิจารณาลักษณะตุ่ม สี ขนาด ขอบเขต อาการร่วมอื่น ๆ เช่น คัน เจ็บ หรือมีน้ำหนองค่ะ สาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หูดหงอนไก่ (HPV), เริม (Herpes simplex), หรือ ซิฟิลิส
- การอักเสบจากการแพ้หรือระคายเคือง เช่น การใช้สบู่ แป้ง หรือสารเคมีบางชนิด
- สิวหรือการอุดตันของต่อมไขมัน (Fordyce spots) ซึ่งมักไม่ร้ายแรง
- การติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราบริเวณผิวหนัง
การดูแลเบื้องต้นและข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเกา บีบ หรือแกะตุ่ม เพราะอาจทำให้การติดเชื้อลุกลามค่ะ
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ ล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่สูตรอ่อน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะทราบสาเหตุแน่ชัด เพื่อลดการแพร่เชื้อ
- สังเกตว่ามีอาการอื่นร่วม เช่น มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองขาหนีบโต หรือแผลแตก
- หากตุ่มไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือมีอาการรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเลือดและการตรวจทางห้องปฏิบัติการค่ะ
โดยสรุป ถ้าตุ่มที่อวัยวะเพศเกิดร่วมกับอาการเจ็บ ปวด คัน หรือมีน้ำใส/หนอง ควรรีบพบแพทย์โดยตรงเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องค่ะ เพราะตุ่มบางชนิดเป็นสัญญาณของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ต้องใช้ยารักษาเฉพาะค่ะ
[JIBAI_ERR_LLM_GUARDRAIL_REJECTION]