สถานพยาบาลในกรุงเทพฯที่สามารถยุติการตั้งครรภ์ในอายุครรภ์มาก

ตั้งครรภ์น่าจะประมาณ24สัปดาห์ (จำประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้)ต้องการยุติคุณหมอจะรับไหมคะ

กรณีตั้งครรภ์ประมาณ 24 สัปดาห์ ถือว่าเป็นอายุครรภ์ที่มากและอยู่ในไตรมาสที่สองปลาย ๆ หรือใกล้เข้าสู่ไตรมาสที่สามแล้วค่ะ การยุติการตั้งครรภ์ในช่วงนี้ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนดและข้อบังคับทางกฎหมาย โดยแพทย์สามารถพิจารณาทำได้เฉพาะกรณีที่เข้าเงื่อนไข เช่น

  • เพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพร่างกาย/จิตใจของมารดา
  • มีความผิดปกติร้ายแรงของทารกในครรภ์ที่ไม่สามารถรักษาได้
  • การตั้งครรภ์เกิดจากการถูกข่มขืน (แต่ในอายุครรภ์มากขนาดนี้ ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ)

การดำเนินการยุติการตั้งครรภ์ที่มากกว่า 20–24 สัปดาห์จะมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อการเสียเลือด ติดเชื้อ ภาวะแทรกซ้อนต่อมดลูก และผลต่อระบบร่างกายค่ะ มักจะต้องทำในโรงพยาบาลใหญ่โดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะขั้นตอนจะซับซ้อนและต้องใช้วิธีทางการแพทย์ เช่น การชักนำให้คลอด (induction) หรือการผ่าตัดซึ่งต้องมีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดค่ะ

หากคุณต้องการดำเนินการจริง ๆ แนะนำให้ไปพบสูติแพทย์และแจ้งประวัติอย่างละเอียด รวมถึงประเมินเหตุผลและสุขภาพโดยรวม เพื่อให้แพทย์พิจารณาความเหมาะสมและความปลอดภัย ก่อนจะตัดสินใจค่ะ และควรทำในสถานพยาบาลที่มีเครื่องมือพร้อมและการดูแลครบวงจรเพื่อลดความเสี่ยงค่ะ

มีที่ไหนรับทำบ้างคะในกทม

กรณีอายุครรภ์ประมาณ 24 สัปดาห์ การยุติการตั้งครรภ์จำเป็นต้องทำในสถานพยาบาลที่มีสูติแพทย์เชี่ยวชาญและมีเครื่องมือพร้อม เพราะมีความเสี่ยงสูงค่ะ ในกรุงเทพฯมักจะพิจารณาที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย เนื่องจากมีทีมแพทย์เฉพาะด้านและสามารถตรวจสอบข้อบ่งชี้ตามกฎหมายและแพทย์จริยธรรมได้ เช่น

  • โรงพยาบาลศิริราช (มีแผนกสูตินรีเวชและประเมินกรณีครรภ์มีความเสี่ยงสูง)
  • โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (มีหน่วยวินิจฉัยทารกในครรภ์และทีมดูแลครรภ์ผิดปกติ)
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี (มีสูติแพทย์ด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์)
  • โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลรัฐใหญ่ที่มีแผนกรับเคสฉุกเฉินด้านสูติกรรม

ขั้นตอนที่ควรทำก่อนคือ

  1. นัดพบแพทย์สูติฯ เพื่อแจ้งเหตุผลและประวัติการตั้งครรภ์อย่างละเอียด
  2. ตรวจอัลตราซาวด์เพื่อยืนยันอายุครรภ์และประเมินสุขภาพของทารกและมารดา
  3. เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการด้านจริยธรรมและกฎหมาย ซึ่งใช้เวลาไม่กี่วันหากข้อมูลครบถ้วน

แนะนำให้เตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ประวัติการรักษา ผลการตรวจครรภ์เดิม และไปศูนย์ข้อมูลอย่างเช่น สายด่วน 1663 (ปรึกษาเรื่องเอดส์และอนามัยเจริญพันธุ์) เพื่อสอบถามสถานพยาบาลที่สามารถรับเคสได้ในสถานการณ์นี้ค่ะ เพราะแต่ละแห่งจะมีเกณฑ์รับต่างกันและต้องดูความพร้อมของแพทย์และอุปกรณ์ค่ะ