อาการเริมบ่งบอกถึงโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่าได้หรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว “เริม” เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex (HSV) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลักคือ HSV-1 ที่มักเกิดบริเวณริมฝีปาก และ HSV-2 ที่มักเกิดในบริเวณอวัยวะเพศค่ะ อาการเริมส่วนใหญ่จะเป็นเพียงแผลพุพอง เจ็บ และคันในบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งในคนทั่วไปที่สุขภาพแข็งแรง มักจะหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์เมื่อได้รับการดูแลที่เหมาะสมค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี อาการเริมอาจบ่งบอกถึงภาวะหรือโรคอื่นที่มีความรุนแรงมากกว่าได้ ดังนี้ค่ะ
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง – หากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เนื่องจากโรคเรื้อรัง เช่น HIV/AIDS หรือการได้รับยากดภูมิ เช่น เคมีบำบัด อาการเริมอาจรุนแรงขึ้นและเป็นบ่อยกว่าปกติค่ะ
- การติดเชื้อลุกลาม – ในคนบางกลุ่ม เริมสามารถลุกลามเข้าสู่ตาหรือสมอง (Herpes encephalitis) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและต้องรักษาอย่างเร่งด่วนค่ะ
- สัญญาณของการติดเชื้อชนิดอื่นร่วมด้วย – บางครั้งแผลเริมอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นเช่น ซิฟิลิส หรือหนองใน เนื่องจากเกิดจากพฤติกรรมเสี่ยงคล้ายกันค่ะ
ถ้าพบว่าอาการเริมเกิดบ่อยขึ้น รุนแรง นานกว่าปกติ หรือมีอาการแทรกซ้อนเช่น ปวดหัวรุนแรง ไข้สูง ตาพร่ามัว หรือแผลลุกลาม ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และรับการรักษาที่ถูกต้องค่ะ การรักษาเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจาย และป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ค่ะ