จำเป็นต้องไปพบแพทย์หรือไม่เมื่อมีคราบขาวในช่องคลอด

ปรึกษาเรื่องช่องคบอกค่ะมีขาวๆแบบนี้เป็นสะเก็ดเกิกจากอะไรคะ


ขออนุญาตนะคะ เครียดมากเลยค่ะ

จากภาพและคำบรรยายที่คุณให้มา ลักษณะขาวๆ เป็นสะเก็ดหรือคราบในช่องคลอด อาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  1. ตกขาวจากการติดเชื้อรา (Candida) – ลักษณะมักเป็นขาวข้นหรือจับเป็นสะเก็ด คล้ายคราบนม อาจทำให้คันหรือระคายเคืองภายในช่องคลอดและปากช่องคลอดค่ะ
  2. ตกขาวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) – คราบอาจมีสีขาวหรือเทาและมีกลิ่นผิดปกติ อาจไม่ข้นเท่าการติดเชื้อรา แต่ผิวเยื่อบุอาจดูไม่เรียบค่ะ
  3. เซลล์ผิวที่หลุดลอกและรวมกับตกขาวปกติ – ในบางช่วงรอบเดือน ผิวเยื่อบุอาจมีการลอกออกเล็กน้อยทำให้เห็นเป็นคราบขาว หรือสะเก็ดเล็ก ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีการติดเชื้อก็ได้ค่ะ

แนะนำให้สังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คัน แสบร้อน กลิ่นผิดปกติ หรือปวดขณะปัสสาวะ/มีเพศสัมพันธ์ หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับคราบขาวในช่องคลอด ควรพบแพทย์เพื่อตรวจภายในและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะสามารถแยกสาเหตุและเลือกการรักษาที่ตรงจุดได้ค่ะ

ในเบื้องต้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาล้างช่องคลอดหรือสารเคมีแรง ๆ ควรใส่ชุดชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น และหากสงสัยติดเชื้อ ควรพบสูตินรีแพทย์โดยเร็ว เพื่อป้องกันการลุกลามหรือการติดเชื้อซ้ำค่ะ

ถ้าจะกินยาฆ่าเชื้อได้ไหมคะ

การจะรับประทานยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะขึ้นอยู่กับสาเหตุของตกขาวหรือคราบขาวในช่องคลอดค่ะ หากเกิดจากเชื้อราประเภท Candida การใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียจะไม่ช่วยและอาจทำให้เสียสมดุลจุลินทรีย์ในช่องคลอดจนเกิดการติดเชื้อราซ้ำได้ค่ะ ในกรณีเชื้อรา ควรรักษาด้วยยาต้านเชื้อราที่เป็นแบบเหน็บช่องคลอดหรือแบบรับประทานแทนค่ะ

ถ้าสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Bacterial vaginosis หรือเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะโดยเลือกชนิดให้ตรงกับเชื้อ ซึ่งแพทย์มักต้องตรวจตกขาวและส่งแล็บก่อน เพื่อระบุชนิดของเชื้อให้แน่ชัดค่ะ การกินยาก่อนโดยไม่รู้สาเหตุอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ และอาการอาจไม่หายขาดค่ะ

ข้อแนะนำคือ

  • พบแพทย์สูตินรีเวช เพื่อทำการตรวจภายในและส่องดูเยื่อบุหรือใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจเชื้อค่ะ
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเองโดยไม่มีการวินิจฉัย เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงหรือแพ้ยาได้
  • ระหว่างรอพบแพทย์ ควรรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ แต่ไม่ควรใช้น้ำยาล้างช่องคลอดบ่อยเกินไป
    การรักษาที่ตรงจุดจะทำให้อาการหายเร็วและป้องกันการติดเชื้อซ้ำค่ะ

ต้องหาหมอเท่านั้นใช่ไหมคะ

จากลักษณะอาการที่คุณเล่าและภาพที่ส่งมา การไปพบแพทย์ถือว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและแม่นยำที่สุดค่ะ เพราะจะช่วย

  1. ตรวจหาสาเหตุที่แน่นอน – แพทย์สามารถใช้การตรวจภายในและนำตัวอย่างตกขาวไปตรวจกล้องจุลทรรศน์หรือเพาะเชื้อ เพื่อดูว่ามีเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้ออื่นที่ต้องรักษาเฉพาะเจาะจงค่ะ
  2. เลือกวิธีรักษาให้ถูกต้อง – การรักษาเชื้อรากับเชื้อแบคทีเรียต่างกันมาก ทั้งชนิดยาและระยะเวลาการใช้ ถ้าทานยาผิดประเภท อาจไม่หายหรืออาการแย่ลง
  3. ป้องกันการติดเชื้อซ้ำและภาวะแทรกซ้อน – หากไม่รักษาถูกต้อง เชื้ออาจลุกลามหรือส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรังค่ะ

ถ้าคุณไม่สะดวกไปพบแพทย์ทันที แนะนำให้

  • สังเกตอาการร่วม เช่น คัน แสบร้อน กลิ่นผิดปกติ หรือเลือดออก
  • หลีกเลี่ยงการซื้อยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะรับประทานเอง
  • รักษาความสะอาด บริเวณอวัยวะเพศ เปลี่ยนชุดชั้นในบ่อย และเลือกเนื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

อย่างไรก็ตาม การพบแพทย์จะช่วยให้คุณมั่นใจและไม่ต้องกังวลนานค่ะ เพราะสามารถวินิจฉัยได้ในครั้งเดียวและเริ่มรักษาทันทีค่ะ