เป็นตกขาวสีเหลืองออกเขียวคันนิดๆ ไปหาหมอ ให้ยาสอดกับยาทานมา กินหมดแล้วก็ยังไม่หาย แต่อาการดีขึ้น แต่มีตกขาวไหลเหมือนหนองสีเขียวเหลืองทุกวันเลยค่ะมันคืออาการหนองในรึป่าวคะ
จากอาการที่เล่ามา คือมีตกขาวสีเหลืองออกเขียว คล้ายหนอง และยังมีอาการคันเล็กน้อยแม้รับยาสอดและยาทานจนหมดแล้ว อาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ไม่จำเป็นต้องเป็น “หนองใน” เสมอไป แต่ก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้ที่ควรตรวจเพิ่มเติม
ความเป็นไปได้ของอาการที่คุณมี
- ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด (Bacterial Vaginosis) – อาจเกิดจากการเสียสมดุลแบคทีเรียในช่องคลอด ทำให้เกิดตกขาวสีเหลือง-เขียว มีกลิ่นและคัน
- ติดเชื้อโปรโตซัว เช่น Trichomonas Vaginalis – จะมีตกขาวสีเขียว เหมือนหนอง มีกลิ่นแรง และคันร่วมด้วย
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ (Gonorrhea) หรือหนองในเทียม (Chlamydia) – จะมีตกขาวหรือหนองสีเหลือง-เขียว ปริมาณมาก บางครั้งมีปัสสาวะแสบขัดร่วม
- การติดเชื้อรุนแรงหรือเชื้อดื้อยา – แม้รักษาแล้วอาการดีขึ้น แต่เชื้อบางส่วนอาจยังอยู่ ทำให้ยังมีตกขาวต่อเนื่อง
คำแนะนำต่อไปนี้
- ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อทำการ ตรวจตกขาวและเพาะเชื้อ หรือทำ Pap smear และตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อหาสาเหตุชัดเจน
- แจ้งแพทย์ว่ามีอาการต่อเนื่องหลังจบการรักษา เพื่อให้พิจารณาปรับยา หรือใช้ยาที่ครอบคลุมเชื้อมากขึ้น
- งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหาย และหากมีคู่ ควรพาคู่มาตรวจและรับการรักษาไปพร้อมกัน
- รักษาความสะอาดช่องคลอด หลีกเลี่ยงสารเคมีหรือสบู่ที่มีฤทธิ์แรง เพราะอาจทำให้สมดุลแบคทีเรียเสียค่ะ
สรุปคือ อาการแบบนี้อาจเป็นได้ทั้งการติดเชื้อทั่วไปในช่องคลอด หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงแนะนำให้คุณตรวจเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจและรักษาให้หายขาดค่ะ
ไม่อยากตรวจภายใน ไปร้านยาได้ไหมคะ
หากไม่อยากตรวจภายใน คุณสามารถไปปรึกษาเภสัชกรที่ร้านยาได้ แต่ต้องเข้าใจข้อจำกัดค่ะ การรักษาที่ร้านยามักจะเป็นการให้ยาตามอาการ เช่น ยาฆ่าเชื้อหรือยาสอด แต่จะไม่สามารถรู้แน่ชัดว่าติดเชื้อชนิดใด เพราะไม่มีการตรวจหาเชื้อโดยตรง ดังนั้นโอกาสรักษาไม่ตรงกับเชื้อจริงจึงมีสูง และอาจทำให้การติดเชื้อเรื้อรังหรือกลับมาเป็นซ้ำได้ค่ะ
สิ่งที่ควรระวังหากเลือกไปที่ร้านยา
- แจ้งอาการอย่างละเอียด เช่น สี กลิ่น ปริมาณตกขาว ระยะเวลาที่เป็น และยาเดิมที่ใช้ไปแล้ว เพื่อให้เภสัชกรช่วยพิจารณายาที่เหมาะสม
- ระวังการดื้อยา หากเคยได้รับยาฆ่าเชื้อมาก่อนและใช้ไม่ถูกเชื้อ อาจทำให้เชื้อดื้อต่อยา
- อาการควรเฝ้าระวัง หากมีตกขาวสีเขียวหรือเหลืองปริมาณมาก มีกลิ่นแรงร่วมกับปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องน้อย หรือมีเลือดออกผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์แม้ไม่อยากตรวจภายใน เพราะอาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือการติดเชื้อที่รุนแรงค่ะ
แนะนำให้ใช้การไปปรึกษาร้านยาเป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้น แต่ถ้าอาการไม่หายภายใน 5-7 วัน หรือมีแนวโน้มแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อการตรวจและรักษาที่ตรงจุด แม้จะไม่อยากตรวจภายในก็ควรแจ้งแพทย์เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมกับความสบายใจของคุณค่ะ
เคยตรวจแล้วค่ะ เมื่อปีที่แล้ว หมอให้ยากินมา6เดือนละก็ยาทา หมอนัดไปอีกรอบ อาการดีขึ้นเลยไม่ได้ไปค่ะ แล้สก่อนหน้านี้ไปใช้น้ำยาล้างกี แลเสก็กละบมาเป็นค่ะ
จากข้อมูลที่คุณเล่า แสดงว่าก่อนหน้านี้เคยได้รับการรักษายาวนานถึง 6 เดือนและอาการดีขึ้นแล้ว แต่ช่วงหลังกลับมามีอาการอีกหลังจากใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจทำให้สมดุลของจุลชีพในช่องคลอดเสีย ส่งผลให้เชื้อโรคหรือเชื้อราเติบโตได้ง่ายค่ะ
สาเหตุที่อาจทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำ
- การใช้สารเคมีแรงเกินในช่องคลอด: น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นบางสูตรมีค่า pH ไม่เหมาะสมกับช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียชนิดดีลดลง เชื้อราหรือเชื้อก่อโรคจึงเพิ่มจำนวน
- การติดเชื้อเดิมที่ยังไม่หายขาด: เชื้อบางชนิด เช่น เชื้อราหรือแบคทีเรียบางประเภท อาจยังคงอยู่ในปริมาณเล็กน้อย จนรอจังหวะที่ร่างกายมีความสมดุลเสียแล้วกลับมาเพิ่มจำนวนอีก
- ภูมิคุ้มกันร่างกายและพฤติกรรม: เครียด พักผ่อนน้อย กินอาหารหวานเยอะ หรือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน สามารถกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้
คำแนะนำสำหรับกรณีนี้
- งดการใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นชั่วคราว และทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำอุ่นเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ช่องคลอดกลับเข้าสู่สมดุลตามธรรมชาติ
- ปรึกษาแพทย์อีกครั้งแม้จะไม่อยากตรวจภายใน: คุณอาจขอแพทย์ตรวจจากตกขาวโดยใช้สำลีป้ายบริเวณปากช่องคลอดเท่านั้น เพื่อเลี่ยงการตรวจภายในเต็มรูปแบบ
- หากอาการคันหรือมีตกขาวสีเขียวปริมาณมากต่อเนื่อง ควรตรวจหาเชื้อทั้งเชื้อรา แบคทีเรีย และปรสิต เพื่อให้ได้การรักษาที่ตรงจุดค่ะ
- ระหว่างนี้ใส่ชุดชั้นในผ้าฝ้าย ระบายอากาศได้ดี และเปลี่ยนเมื่อเปียกชื้น ลดความเสี่ยงการสะสมของเชื้อค่ะ
หากคุณต้องการ ฉันสามารถแนะนำสูตรน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุกล้างภายนอกที่อ่อนโยน และวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำค่ะ สนใจให้ฉันจัดให้ไหมคะ?
ฉันชอบกินแอลกอฮอล์ ของหวานของมัน ส้มตำ ละก็นอนดึกด้วยค่ะ
จากพฤติกรรมที่คุณเล่า เช่น ชอบดื่มแอลกอฮอล์ กินของหวาน ของมัน ส้มตำรสจัด และเข้านอนดึก ล้วนมีส่วนทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง และกระตุ้นให้การติดเชื้อหรืออาการตกขาวกลับมาเป็นซ้ำได้ค่ะ
- ของหวานและอาหารมัน : น้ำตาลและไขมันสูงสามารถทำให้เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียบางชนิดเจริญเติบโตได้รวดเร็วในช่องคลอด เพราะน้ำตาลเป็นแหล่งอาหารของเชื้อรา
- แอลกอฮอล์ : ดื่มบ่อยทำให้ร่างกายขาดน้ำ ภูมิคุ้มกันลดลง และอาจรบกวนการทำงานของตับซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- อาหารรสจัด เช่น ส้มตำเผ็ด-เค็ม : อาจกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบง่าย และทำให้เยื่อบุช่องคลอดระคายเคือง
- นอนดึก : ทำให้ฮอร์โมนและภูมิคุ้มกันเสียสมดุล ร่างกายซ่อมแซมตัวเองน้อยลง
คำแนะนำเพื่อช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำ
- ลดน้ำตาลและอาหารมัน เพิ่มผัก ผลไม้ และโปรตีนไขมันต่ำ เช่น ปลา ไก่ อาหารต้ม/นึ่ง
- ดื่มน้ำสะอาดมากขึ้น อย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตร เพื่อลดความเข้มข้นของปัสสาวะและช่วยรักษาสุขภาพเยื่อบุช่องคลอด
- พักผ่อนให้เพียงพอ ทุกวันพยายามนอนก่อน 23.00 น. เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันฟื้นตัว
- จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ และถ้าดื่มควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อชดเชยน้ำในร่างกาย
- รักษาความสะอาดภายนอกด้วยน้ำเปล่า ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรง
ถ้าปรับพฤติกรรมเหล่านี้ควบคู่กับการรักษา จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นและลดโอกาสตกขาวกลับมาเป็นซ้ำค่ะ คุณอยากให้ฉันช่วยจัด “แผนอาหารและการดูแลตัวเอง 7 วัน” สำหรับคนที่มีปัญหาตกขาวเรื้อรังเพื่อเริ่มปรับพฤติกรรมไหมคะ?