ตกขาวเยอะร่วมกับประจำเดือนขาดหลังหยุดยาคุม

หนูกินยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนมาประมาณ 1 ปี
หยุดกินยาเมื่อยาหมดแผงเดือนพฤษภาคม เดือนกรกฎาคมประจำเดือนก็มาตรงวันที่เดิมคือวันที่ 3 แต่พอเดือนสิงหาประจำเดือนไม่มา พอเดือนกันยายนประจำเดือนมาวันที่ 11 แล้วตอนนี้เดือนตุลาคมวันที่ 20 ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ หนูไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์ แบบนี้ควรไปตรวจมั้ยคะ

หลังจากหยุดยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน ร่างกายบางคนจะมีการปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งอาจทำให้รอบเดือนเปลี่ยนไปได้ค่ะ โดยกรณีของคุณที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ จึงตัดความเป็นไปได้ของการตั้งครรภ์ออกไปได้ค่อนข้างมากค่ะ สาเหตุที่ประจำเดือนมาช้าหรือขาดหลังหยุดยาคุม อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น

  • การปรับตัวของฮอร์โมนหลังหยุดยา: ยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเทียมช่วยควบคุมรอบเดือน พอหยุดยา ร่างกายต้องกลับมาสร้างฮอร์โมนเอง ทำให้รอบเดือนอาจมาไม่สม่ำเสมอค่ะ
  • ความเครียด หรือการนอนพักผ่อนไม่พอ: ส่งผลต่อการทำงานของสมองส่วนควบคุมฮอร์โมน
  • น้ำหนักเปลี่ยนแปลงมาก: ทั้งน้ำหนักลดหรือเพิ่มสามารถทำให้รอบเดือนผิดปกติได้ค่ะ
  • ภาวะสุขภาพอื่น เช่น ไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

โดยทั่วไปหลังหยุดยาคุม รายเดือนอาจใช้เวลา 3–6 เดือน เพื่อกลับมาสม่ำเสมอ แต่ถ้าประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือนติดต่อกัน หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้องน้อยเรื้อรัง หน้ามัน สิวขึ้นมาก ขนดกผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวด์รังไข่ค่ะ

ในกรณีของคุณ ถ้าเดือนนี้เลยไปอีกประมาณ 2–3 สัปดาห์แล้วยังไม่มีประจำเดือนมา หรือรอบเดือนยังไม่คงที่ต่อเนื่อง แนะนำให้ไปพบแพทย์ สูตินรีเวช เพื่อตรวจหาสาเหตุและปรับฮอร์โมน โดยคุณสามารถจดบันทึกวันที่มีประจำเดือน และอาการร่วม ไว้เป็นข้อมูลให้แพทย์วิเคราะห์ค่ะ

ตอนที่กินยาคุมอยู่ หลังๆเริ่มรู้สึกว่าประจำเดือนมาน้อยลง มีผลมั้ยคะ

การที่ประจำเดือนมาน้อยลงในช่วงที่กินยาคุมกำเนิดแบบรายเดือน มักเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปค่ะ เนื่องจากยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนและเอสโตรเจนในปริมาณคงที่ ซึ่งมีผลดังนี้

  • ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จึงมีเลือดออกน้อยลงในช่วงมีประจำเดือนค่ะ
  • ลดอาการปวดประจำเดือน และลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับมดลูกบางชนิด
  • บางครั้งอาจทำให้มีรอบเดือนสั้นลง หรือเลือดออกเพียง 1–2 วัน

โดยปกติแล้ว การที่ประจำเดือนมาน้อยลงขณะกินยาคุม ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่อันตราย และไม่ทำให้เลือดคั่งในโพรงมดลูกค่ะ เพราะเลือดที่ออกมาเป็นเพียงการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ไม่ใช่เลือดออกตามธรรมชาติเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามถ้าหยุดกินยาแล้วรอบเดือนยังมาน้อยหรือไม่มาสม่ำเสมอ อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายยังไม่กลับเข้าสู่สมดุลฮอร์โมนเดิมค่ะ

ข้อควรระวังคือ ถ้าประจำเดือนน้อยลงร่วมกับอาการอื่น เช่น ปวดท้องน้อยมาก ปวดบีบเป็นพักๆ หรือมีตกขาวผิดปกติ แนะนำให้ไปตรวจค่ะ เพราะอาจมีปัจจัยอื่นร่วม เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งการตรวจร่างกายและทำอัลตราซาวนด์จะช่วยชี้สาเหตุได้ชัดเจนขึ้นค่ะ

ตอนนี้รู้สึกว่ามีตกขาวออกเยอะ แต่ไม่ได้ผิดปกติ ประจำเดือนยังไม่มา

จากที่เล่ามาว่ามีตกขาวออกเยอะ แต่ไม่ได้มีกลิ่น สี หรืออาการคันผิดปกติ และประจำเดือนยังไม่มา สถานการณ์นี้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนหลังหยุดยาคุมค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิง โดยเฉพาะเอสโตรเจน สามารถกระตุ้นให้ต่อมในช่องคลอดและปากมดลูกผลิตตกขาวมากขึ้น เมื่อฮอร์โมนเริ่มแกว่งหรือมีการปรับตัว ก็อาจทำให้ตกขาวเพิ่มได้โดยไม่ใช่การติดเชื้อค่ะ

ปัจจัยที่อาจทำให้ตกขาวเยอะในช่วงนี้ ได้แก่

  • การตกไข่หรือฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงชั่วคราว : ช่วงตกไข่เยื่อบุและต่อมต่างๆจะผลิตตกขาวมากขึ้นและมีลักษณะใสหรือยืดได้ค่ะ
  • การปรับตัวหลังหยุดยาคุม : ร่างกายกลับมาผลิตฮอร์โมนเอง ทำให้รอบเดือนและปริมาณตกขาวเปลี่ยนแปลง
  • สภาพอากาศและสุขภาพทั่วไป : ความร้อน ความชื้น การออกกำลังมาก หรือใส่เสื้อผ้าที่รัด ทำให้ตกขาวมากขึ้นในบางวัน

ถ้าตกขาวยังใสหรือขุ่นเล็กน้อย ไม่มีสีเขียว เหลือง กลิ่นเหม็น หรืออาการคัน แสดงว่ามักเป็นตกขาวปกติ แต่ถ้าประจำเดือนขาดนานเกิน 3 เดือน หรือมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดบีบเป็นระยะ ควรไปพบแพทย์สูตินรีเวชเพื่อตรวจฮอร์โมน และดูสภาพมดลูกกับรังไข่ค่ะ เพราะในบางรายร่างกายอาจต้องการการปรับฮอร์โมนเพื่อให้รอบเดือนกลับมาสม่ำเสมอค่ะ