ถ้าตรวจว่าไม่เป็นfip แต่เจอเชื้อ fcov ควรให้ยาต้านไหม ถ้าแมวเป็นโรคไต เลือดจางและเอส์แมว
ถ้าตรวจแล้วพบว่าแมวมีเชื้อ FCoV (Feline Coronavirus) แต่ไม่พัฒนาเป็น FIP (Feline Infectious Peritonitis) การให้ยาต้านไวรัสมักไม่ใช่แนวทางหลักค่ะ เพราะส่วนใหญ่การติดเชื้อ FCoV ในแมวจะมีลักษณะไม่รุนแรงหรือหายเองในเวลา และไม่มีการรับรองว่าการให้ยาต้านจะช่วยป้องกันการพัฒนาไปเป็น FIP ได้ทั้งหมดค่ะ แต่ในกรณีของน้องแมวคุณมีโรคไต เลือดจาง และติดเชื้อเอสแมว (FeLV หรือ FIV อาจต้องระบุให้ชัด) จะต้องพิจารณาสุขภาพโดยรวมและความเสี่ยงของการใช้ยาเป็นพิเศษค่ะ
แนวทางพิจารณา
- ภาวะโรคไตเรื้อรัง – การให้ยาบางชนิดอาจกระทบต่อการทำงานของไต ต้องเลือกยาที่ปลอดภัย และปรับขนาดตามค่าการทำงานของไตค่ะ
- ภาวะเลือดจาง – อาจเกิดจากโรคไต, ผลจากการติด FeLV/FIV หรือปัจจัยอื่น ควรตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาตามสาเหตุร่วม เช่น การให้วิตามิน, อาหารเสริมสำหรับสร้างเม็ดเลือด, หรือในบางกรณีอาจต้องให้เลือดค่ะ
- เชื้อเอสแมว (FeLV/FIV) – ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อซ้ำ การดูแลสุขภาพทั่วไปและลดความเครียดจะสำคัญมากกว่าเน้นยาต้านสำหรับ FCoV โดยตรงค่ะ
แนะนำการดูแลโดยรวม
- เน้นการสนับสนุนร่างกาย เช่น อาหารที่เหมาะกับโรคไต, ควบคุมปริมาณโปรตีนและฟอสฟอรัส, และให้ความชุ่มชื้นเพียงพอค่ะ
- ตรวจติดตาม CBC และค่าการทำงานของไตเป็นระยะ
- ปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องยาที่ใช้ได้ในแมวที่มีหลายโรคร่วม เพราะยาบางชนิดอาจทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้น
- เสริมภูมิคุ้มกันด้วยการจัดสภาพแวดล้อมอบอุ่น ลดความเครียด และหลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับแมวที่มีโรคติดเชื้ออื่นค่ะ
สรุปคือ ถ้าไม่เป็น FIP การให้ยาต้านสำหรับ FCoV ไม่จำเป็นในทุกกรณีค่ะ สิ่งสำคัญคือควบคุมและดูแลโรคร่วมที่มีอยู่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนค่ะ