วิธีรักษาอาการคันถุงอัณฑะที่บวมแดงและเป็นๆหายๆ

คันถุงอัณฑะ บวมแดง ไม่ปวดแต่คันพอเริ่มเกาแล้วจะฟินมากๆจนหยุดเกาไม่ได้ไปซัก5-10วิแล้วค่อยหยุด เป็นแค่ช่วงด้านซ้าย เป็นๆหายๆมา4เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นหนักช่วงที่เป็นหนักจะคันมากคันทั้ง2ข้างเลยคันทั้งวันบวมแดงก็ตอนนี้ แต่ช่วงนี้เป็นไม่หนักแล้วคันนิดๆคันแปปๆไม่ทั้งวันอยู่วัน2วันแล้วก็ไม่คันไปประมาณ3 4วันแล้วกลับมาคันแปปๆ ตอนไม่คันไม่เกาผิวจะแห้งเป็นเกล็ดเหมือนตอนที่เราเป็นแผลถลอกแล้วแห้งอะคับ แต่ก่อนหน้านี้ช่วงเป็นหนักจะคันทั้งวันแล้วก็ไม่แห้งด้วย แต่ตอนเป็นหนักกับตอนไม่หนักนี่ตอนคันก็คันเหมือนกันตอนเกาก็เกาแล้วจะรู้สึกฟินหยุดไม่ได้เหมือนกันเลย รูปที่แนบไปเป็นรูปตอนนี้ที่เป็นไม่หนักเกาแล้วเป็นแบบนี้ อยากรักษามากคับทำหลายอย่สงแล้วทั้งทายาแก้เชื้อรา ทำตรงนี้ไห้แห้งตลอดเปียกก็เช็ดไห้แห้งแต่ก็ไม่หายซักทีดีขึ้นสุดๆก็เป็นๆหายๆเป็นไม่หนักแบบนี้ คุณหมอช่วยดูแล้ววิเคราะไห้ทีว่าต้องรักษายังไงขอบคุณที่เข้ามาตอบนะคับ

สำหรับอาการคันถุงอัณฑะที่บวมแดงและเป็นๆหายๆดังกล่าวนั้น อาจมีหลายสาเหตุได้คะ ต่อไปนี้คือแนวทางในการรักษา:

  1. สาเหตุที่เป็นไปได้:

    • เชื้อรา: เป็นสาเหตุที่พบบ่อย หากมีการรักษาด้วยยาทาเชื้อราแล้วไม่หาย อาจต้องรับประทานยาต้านเชื้อราที่แพทย์สั่ง
    • การแพ้: แพ้ผงซักฟอก แพ้สบู่ หรือสารเคมีที่มาโดนถุงอัณฑะ
    • โรคผิวหนังอื่นๆ: เช่น สะเก็ดเงิน หรือกลากเกลื้อน
    • การระคายเคือง: จากการเสียดสี หรือความอับชื้นจากเหงื่อ
  2. การรักษาเบื้องต้น:

    • รักษาความสะอาด: อาบน้ำและล้างบริเวณที่คันให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ที่มีกลิ่นแรงหรือสารเคมีที่แรง
    • รักษาความแห้ง: หลังอาบน้ำให้ทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง ควรใส่เสื้อผ้าหลวมๆเพื่อระบายอากาศ
    • การใช้ยา: หากเป็นเชื้อราจริงๆ ควรใช้ยาต้านเชื้อราตามคำแนะนำของแพทย์ และถ้าไม่ดีขึ้นควรให้แพทย์พิจารณายาต้านเชื้อรารับประทาน
    • ยาสเตียรอยด์: ในบางกรณีอาจใช้ยาสเตียรอยด์ชนิดทาเพื่อลดอาการอักเสบ แต่ว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  3. เมื่อควรปรึกษาแพทย์:

    • ไม่ดีขึ้นภายในสองสัปดาห์: หากรักษาเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นอีก
    • มีอาการใหม่: เช่น มีไข้หรือมีหนอง
    • อาการคันรุนแรง: ที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ขอแนะนำให้คุณไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจเพิ่มเติมและรักษาที่เหมาะสมคะ