2 อาทิตย์ก่อนมีอาการเป็นลมตอนกินข้าวเสร็จ(หลังอาหารมื้อหนัก) เราก็คิดว่า อาการมาจากโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน แต่ไม่มีปวดท้องหรือแสบหน้าอก มีแต่อาการแสบๆแน่นๆตรงท้องและอก หายใจไม่สุด แล้วก็เป็นลมหมดสติไปเลย หลังจากเป็นลม 2วัน ไปตรวจekg ในแพคเกจตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกมีผิดปกตินิดหน่อยแต่ไม่มีอันตราย ให้ทำซ้ำทุกปี หลังจากนั้นก็มีอาการหายใจไม่สุดบ่อย โดยเฉพาะหลังกินเผ็ดหรือกินเยอะ ตอนนี้อาการแน่นๆที่ท้องและอกยังไม่หายสนิท ก็เป็นๆหายๆ กินยาลดกรดก็ยังไม่หาย ยังรู้สึกหายใจไม่สุดยิ่งคิดยิ่งกลัวยิ่งหายใจถี่ยิ่งเหนื่อย ยิ่งกลัวจะเป็นลมก็เหมือนจะเป็นลม มีปัญหาคือกลัวการขับรถ เพราะครั้งแรกที่มีอาการคือก่อนขับรถกลับบ้าน กังวลว่าควรไปตรวจหัวใจซ้ำมั้ย หรือเป็นแพนิค หรือเป็นกรดไหลย้อน/กระเพาะ/ลำไส้อักเสบ
การที่คุณเป็นลมและมีอาการหายใจไม่สุดหลังอาหารต้องพิจารณาหลายสาเหตุ ทั้งจากด้านร่างกายและด้านจิตใจ
สาเหตุจากด้านร่างกายที่อาจเกี่ยวข้อง:
- โรคกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน: สาเหตุหนึ่งอาจเป็นจากระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติ แต่หากไม่มีอาการปวดท้องหรือแสบหน้าอก แต่มีความรู้สึกแน่นๆ ที่ท้องและอก หลังการรับประทานอาหาร อาจจะเป็นกรดไหลย้อน ยิ่งการกินเผ็ดหรืออาหารเยอะเป็นการกระตุ้นอาการให้แย่ลงได้
- ลำไส้อักเสบ: นอกจากกระเพาะอาหาร ยังมีความเป็นไปได้ที่ลำไส้ใหญ่หรือส่วนอื่นๆ ของระบบย่อยอาหารอาจมีการอักเสบ ทำให้รู้สึกไม่สบายที่ท้องและอก
สาเหตุจากด้านจิตใจที่อาจเกี่ยวข้อง:
- ภาวะความกลัวหรือแพนิค: การที่คุณมีความรู้สึกกลัวและไม่สบายใจเกี่ยวกับการขับรถหรือการเป็นลม เป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณอาจจะกำลังเผชิญกับภาวะตื่นตระหนก (แพนิค) ซึ่งทำให้หายใจไม่สุด หายใจถี่ เร็ว และมีการเต้นของหัวใจผิดปกติ
การดูแลตัวเองเบื้องต้น:
- หากยังคงกังวลเกี่ยวกับหัวใจ แนะนำให้ตรวจ ekg หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจซ้ำ
- ควบคุมอาหารโดยหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดและอาหารที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อน
- หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น อาเจียนหนัก หรืออุจจาระเป็นเลือด ควรพบแพทย์ทันที
หากคุณยังคงมีความกังวลใจเกี่ยวกับการขับรถหรือกลัวการเป็นลมซ้ำ นอกจากการปรึกษาแพทย์ด้านร่างกาย ควรพิจารณาการปรึกษาแพทย์ด้านจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อตรวจหาและบำบัดภาวะตื่นตระหนกหรือแพนิคด้วยคะ