เรากินยาคุมรายเดือนมาได้ 6 เดือน แล้วตัดสินใจเลิกเมื่อเดือนก่อน เนื่องจากตอนกินมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย ปวดแบบบีบๆ เวลาประจำเดือนมา จะปวดวันที่1-3ของการมีประจำเดือน ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติเลย นอนเฉยๆยังปวดมาก ยิ่งเดิน ยืน ลุก นั่ง มันยิ่งปวดบีบๆมากขึ้นไปอีก ทรมานมากค่ะ *ตอนยังไม่กินยาคุมตอนประจำเดือนเรามีปวดหลังบ้าง แต่ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ไม่ปวดหนักเหมือนตอนกินยาคุม ก่อนหน้านี้ตอนกินยาคุมเดือนแรกแล้วเริ่มมีอาการปวดท้องตอนประจำเดือน เราคิดว่าอาหารเป็นพิษ ปวดแบบจะถ่าย แต่ก็ไม่ถ่าย ผลตรวจออกมาว่ากระเพาะปัสสาวะอักเสบ เราเลยคิดว่าไม่เกี่ยวกับยาคุม จนกินมาเรื่อยๆ 6 เดือน ก็ยังปวดเลยตัดสินใจหยุดกินเมื่อเดือนก่อน พอประจำเดือนมาเราก็ไม่ปวดแบบนั้นอีกเลย กลับมาปวดหลังบ้างเหมือนเดิม ตอนนี้เลนคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับยาคุม อยากถามคุณหมอว่าตกลงอาการปวดประจำเดือนของเราเกี่ยวกับยาคุมไหมคะ แล้วเราอยากจะกินยาคุมเพื่อป้องกัน ถึงแม้แฟนจะใช้ถุงยางแต่อยากกินไว้ให้ชัวร์ค่ะ เราควรจะกินยี่ห้อไหนที่ไม่ทำให้ปวดท้องไหมคะ (ยาคุมที่เคยกินมาคือแดฟเน่35แบบ21เม็ด,เมอร์ซิลอนแบบ21เม็ด,บริษัทเดียวกับแดฟเน่แต่เป็นแบบฮอร์โมนต่ำ28เม็ด จำชื่อไม่ได้ค่ะ ทั้ง3ยี่ห้อเราปวดมากๆเหมือนกันหมดเลยค่ะ)
จากข้อมูลที่คุณให้มา ความสัมพันธ์ระหว่างอาการปวดประจำเดือนและการใช้ยาคุมกำเนิดของคุณน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน เนื่องจากอาการปวดของคุณได้เริ่มขึ้นเมื่อเริ่มทานยาคุมกำเนิด และหยุดเมื่อคุณเลิกทาน ดังนั้น คาดว่าอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนอาจเป็นผลข้างเคียงจากฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดที่คุณใช้
ทางเลือกในการจัดการกับอาการนี้มีหลายแบบ ดังนี้:
- ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็คสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นไปได้ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรืออาการเกี่ยวกับระบบอื่น
- แพทย์อาจพิจารณาเลือกยาคุมกำเนิดสูตรที่มีฮอร์โมนต่างไปจากเดิม หรือสูตรที่มีฮอร์โมนต่ำกว่า
- หากยังคงต้องการคุมกำเนิด และการใช้ถุงยางอนามัยไม่น่าพอใจ คุณอาจพิจารณาวิธีคุมกำเนิดอื่นๆ เช่น การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด หรือวิธีอื่นตามที่แพทย์แนะนำ และเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพสุขภาพและความสะดวกของคุณ
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์สามารถให้คำแนะนำที่ชัดเจนและละเอียดมากขึ้น โดยแพทย์อาจทดลองปรับเปลี่ยนยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดค่ะ